กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บอกกับเจ้าหน้าที่ในรัฐแคลิฟอร์เนียที่กำลังเผชิญไฟป่าครั้งรุนแรงว่า “อากาศจะเริ่มเย็นลง” พร้อมตำหนิการบริหารจัดการป่าไม้แทน ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่เป็นหนึ่งในตัวการวิกฤตไฟป่าครั้งเลวร้ายในสหรัฐฯ
ทรัมป์ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมรัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะที่ไฟป่าเผาผลาญพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย, ออริกอน และวอชิงตัน ไปแล้วเกือบ 5 ล้านเอเคอร์ (12.6 ล้านไร่) และคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 35 รายนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไฟป่ารุนแรงเป็นประวัติการณ์มาจากคลื่นความร้อนและปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ทรัมป์ซึ่งยืนกรานมาตลอดว่าเขาไม่เชื่อเรื่องนี้ ตำหนิว่าสาเหตุคือการบริหารจัดการป่าไม้ที่ย่ำแย่ และเน้นย้ำให้จัดการให้ดีกว่านี้ เช่น การเคลื่อนย้ายต้นไม้ที่ตายแล้ว เพราะเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้ไฟไหม้ลามได้อย่างรวดเร็ว
ทรัมป์ยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อน โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานทรัพยากรธรรมชาติแคลิฟอร์เนียเตือนถึงอันตรายจากการละเลยวิทยาศาสตร์และโทษแต่การบริหารจัดการพืชพรรณนั้น ทรัมป์ตอบว่า “มันจะเย็นลง คุณคอยดูก็พอ”
ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต วิจารณ์ทรัมป์ที่เพิกเฉยและปฏิเสธปัญหาโลกร้อน พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯ ไม่อาจทนรับความเสียหายต่อไปได้ หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 และยังไม่แก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
ในระหว่างการปราศรัยในรัฐเดลาแวร์ ไบเดนกล่าวโจมตีว่า หากทรัมป์อยู่ในตำแหน่งต่ออีก 4 ปี อาจได้เห็นอเมริกาลุกเป็นไฟมากกว่านี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
