ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum ครั้งที่ 28 Future of Asia ที่กรุงเกียวโตของญี่ปุ่น วานนี้ (25 พฤษภาคม) โดยให้ความเห็นต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศและท่าทีของประเทศในเอเชีย ซึ่งเขายืนยันว่า “เอเชียต้องสามัคคีและทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมสันติภาพ”
กรณีการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น ดอนกล่าวว่าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนท่าทีทางการเมืองและสังคมครั้งสำคัญนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเขามองว่าข้อริเริ่มต่างๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อรักษาสันติภาพภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้มีการดำเนินการตามนั้น ในขณะที่การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อภาวะโลกขั้วเดียว (Unipolar World) หรือโลกที่มีเพียงขั้วอำนาจเดียว
นอกจากนี้เขากล่าวว่า ประเทศต่างๆ มีการรับมือด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม เช่นเดียวกับการใช้สกุลเงินและการค้าเป็นอาวุธ
“ท่าทีแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน กำลังทำให้ทุกคนตาบอด การย้ายฐานการผลิตกลับมาประเทศตัวเอง (Re-Shoring) และการย้ายฐานการผลิตไปประเทศพันธมิตร (Friend-Shoring) ของห่วงโซ่อุปทาน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นคงของประเทศมหาอำนาจ ที่ให้ความสำคัญมากขึ้นกับความมั่นคงของชาติ” ดอนกล่าว และชี้ว่า
“สหรัฐฯ และยุโรปตะวันตกไม่สามารถกำหนดเจตจำนงทางเศรษฐกิจเพียงฝ่ายเดียวต่อมหาอำนาจในเอเชียได้อีกต่อไป”
ทั้งนี้ ดอนยังมองว่าเอเชียมีสินทรัพย์ที่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อรับมือต่อความท้าทายระดับโลกในปัจจุบันได้
“ภูมิภาคนี้มีอำนาจมากขึ้นในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา โดยเป็นทั้งศูนย์กลางการผลิตของโลกและตลาดผู้บริโภคที่สำคัญ” ดอนกล่าว
ขณะที่เขาเห็นว่าการรวมพลังกันของเอเชียควรใช้เพื่อรวบรวมวิริยภาพ เพื่อกำหนดทางเลือกทางการเมืองแทนความขัดแย้งทางทหารและพัฒนาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สำหรับประเด็นการค้าเสรีนั้น ดอนกล่าวว่าไทยกำลังพิจารณาเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) โดยเน้นย้ำว่าไทยนั้นยินดีเข้าร่วม แต่รัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินการได้เท่าที่ควร เพราะยังไม่ได้รับฉันทามตินอกเหนือไปจากหน่วยงานของภาครัฐ
แฟ้มภาพ: Jonathan Raa / Pacific Press / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: