วานนี้ (4 กรกฎาคม) กฤตย์ กิตติรัตนา บุตรชายของหญิงผู้โดยสารที่โดนทางเลื่อนในท่าอากาศยานดอนเมืองดูดจนทำให้หัวเข่าขาซ้ายขาด ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกผ่านเฟซบุ๊กเปิดเผยอาการล่าสุดความว่า “สวัสดีครับ ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 เพื่อเรียนให้ทุกๆ ท่านทราบว่าคุณแม่ผมพ้นขีดอันตรายแล้วครับ
“ขณะนี้คุณหมอให้ความเห็นเบื้องต้นว่าอาการทางกายภาพของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ดี วันนี้คุณหมอถอดสายอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากร่างกายของคุณแม่เกือบทั้งหมดแล้ว ผมเชื่อว่านอกจากความใจสู้ของคุณแม่และปาฏิหาริย์ ก็กำลังใจจากกัลยาณมิตรทุกท่านที่เป็นยาวิเศษรักษาให้คุณแม่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งนะครับ
“สภาพจิตใจของคุณแม่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ คุณแม่พูดคุยตอบรับผู้มาเยี่ยมได้อย่างดีและดูผ่อนคลาย แต่ครอบครัวยังสังเกตเห็นว่าคุณแม่ยังมีการผวาและสะดุ้งตื่นในเวลากลางคืนอยู่ นอกจากนี้บางครั้งคุณแม่กินอาหารไม่หมด ซึ่งคุณหมอมีความเห็นให้เสริมโปรตีนในมื้ออาหารของคุณแม่เพื่อให้การสมานตัวของแผลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
“ตอนนี้ทางครอบครัวอนุญาตให้คุณแม่ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อจะได้ผ่อนคลาย โดยมีการดูแลใกล้ชิดตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณแม่เข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสม และมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ
“ส่วนใหญ่คุณแม่เลือกที่จะใช้เวลาไปกับการติดตามข่าวเศรษฐกิจและข่าวหุ้น คุณแม่แอบทำงานผ่านโทรศัพท์บ้างบางเวลา เพราะคุณแม่กังวลในต้นทุนค่าเสียโอกาสระหว่างรับการรักษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่คุณแม่อาจจะต้องรับผิดชอบในตอนนี้และในอนาคต
“ผมและน้องๆ ก็ไม่สามารถห้ามท่านได้ตลอด อีกทั้งคุณแม่เป็นผู้หญิงแอ็กทีฟ พวกเราปรึกษาคุณหมอแล้วมีความเห็นว่าให้ท่านได้ทำกิจกรรมที่ท่านชอบคงจะดีกว่าให้ท่านอยู่เฉยๆ ซึ่งอาจจะเสี่ยงให้ท่านเกิดความเศร้าใจ เราพยายามที่จะรักษา Self-Esteem ของคุณแม่ให้ได้มากที่สุด และไม่ให้ท่านรู้สึกหมดคุณค่า และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้งครับ
“พวกเราพี่น้องได้เพียงแค่หมั่นตรวจสอบว่าท่านมีเวลาพักผ่อนที่เหมาะสม ผมและน้องๆ ภูมิใจในตัวคุณแม่มากๆ ครับ คุณแม่เป็นนักสู้จริงๆ
“อย่างไรก็ตาม ครอบครัวต้องกล่าวขอขอบคุณการท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานไทยอีกครั้ง ที่แสดงความห่วงใยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ถึงแม้ตอนนั้นคุณแม่จะยังไม่พร้อมให้เข้าเยี่ยมก็ตาม ในตอนนี้สามารถเข้าเยี่ยมคุณแม่ได้แล้วครับ หวังว่าคุณแม่และพวกเราจะได้มีโอกาสพูดคุยกับทุกท่านมากขึ้นครับ
“ขั้นตอนต่อไป ทางครอบครัวจะทำการแต่งตั้งและมอบอำนาจให้ทนายความช่วยดูแลในการเข้าแจ้งความกับตำรวจ รวมไปถึงการติดต่อประสานงานให้พนักงานสอบสวนเข้าพบและสอบถามข้อเท็จจริงจากคุณแม่โดยตรง ตามที่ท่านได้เคยติดต่อมา โดยครอบครัวจะโฟกัสกับการดูแลฟื้นฟูคุณแม่อย่างเต็มที่แทน
“ผมและครอบครัวทราบดีว่าตอนนี้ยังเร็วไปที่จะวางใจเพราะตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นการปรับตัวของคุณแม่ ข่าวดีที่ได้รับในวันนี้ทำให้ครอบครัวเรามีกำลังใจมากขึ้นและเริ่มมีความสุขอีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ที่ไม่มีใครคาดคิด ถึงเส้นทางข้างหน้าจะดูหนักหนา แต่ผมเชื่อว่าคุณแม่และพวกเราจะได้รับความเป็นธรรมจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้รับความจริงใจจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับใครหรือครอบครัวใดอีก
“ผมและครอบครัวของผมยังคงต้องสู้ต่อไป ถึงมันจะไม่เหมือนเดิมแต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอบครัวของผมจะมีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง”
อ้างอิง: