เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ลักชัวรีที่มาพร้อมกระแสดราม่ามาโดยตลอดสำหรับ Dolce & Gabbana ที่ล่าสุดประกาศยกเลิกงานใหญ่ประจำปีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กับรันเวย์ ‘#DGTheGreatShow’ ก่อนจะเริ่มเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งมีสองนักแสดงไทยอย่าง ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ และ มาริโอ้ เมาเร่อ ไปเดินด้วย โดยเหตุผลเกิดจากคลิปวิดีโอซีรีส์โปรโมตงานชื่อ ‘Chopsticks Eating’ บนแพลตฟอร์ม Weibo เมื่อวันจันทร์ที่มา ที่มีภาพนางแบบใช้ตะเกียบกินอาหารอิตาเลียนในทางที่ดูล้อเลียนวัฒนธรรมการกินของชาวจีน พร้อมเสนอภาพลักษณ์คนจีนที่ไม่ร่วมสมัย เห็นได้จากเพลง อารมณ์ และโทนของคลิป
นอกเหนือจากนั้นทางแอ็กเคานต์ @dietprada ได้เผยข้อความ Direct Message ระหว่าง @MichaelaTranova กับตัวดีไซเนอร์แบรนด์ @stefanogabbana โดยได้ถามถึงความรู้สึกของการที่คลิปโปรโมต ‘Chopsticks Eating’ โดนลบออกไป ซึ่งตัวดีไซเนอร์ก็เขียนข้อความตอบกลับอย่างรุนแรงว่า เป็นเพราะทีมงานกลัวผู้มีอำนาจในจีน แต่ถ้าเป็นตัวเขา จะไม่มีทางลบคลิปออกจากแอ็กเคานต์ Weibo ของแบรนด์ แถมยังบอกว่าต่อไปตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อเมืองนอก จะบอกว่าประเทศจีนเป็นประเทศอุจจาระ (ซึ่งสเตฟาโนได้ใช้อิโมจิอุจจาระ 5 อัน) โดยภายหลังทางสเตฟาโนก็ออกมาบอกว่า อินสตาแกรมเขาโดนแฮ็ก และข้อความเหล่านั้นไม่ใช่เขาที่เขียน
แม้ตอนนี้ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่าทำไมงานที่มีการตั้งงบประมาณว่าทางแบรนด์ได้ใช้ไปหลายล้านเหรียญถึงโดนยกเลิก แต่ทางเว็บไซต์ Business of Fashion ก็บอกว่าเพราะทางภาครัฐมีคำสั่งยกเลิก หลังกระแสรุนแรงมากจนเกิดแฮชแท็ก #BoycottDolce ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน และดาราหลายคนก็ยกเลิกที่จะมาร่วมงาน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Dolce & Gabbana สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสังคม เพราะในปี 2015 ทางสองดีไซเนอร์ของแบรนด์อย่าง โดเมนิโก โดลเช่ และ สเตฟาโน กับบานา ก็เคยออกมาพูดว่าลูกของคู่เกย์ที่เกิดมาจากการทำหลอดแก้ว IVF ถือว่าเกิดจากการสังเคราะห์ (Synthetic) ซึ่ง เอลตัน จอห์น ก็ได้ออกมาต่อว่าและระดมพลให้คนบอยคอตแบรนด์ สาเหตุเพราะเอลตันกับสามี เดวิด เฟอร์นิช ก็มีลูกชายด้วยกันสองคนจากการทำเด็กหลอดแก้ว และให้คนอุ้มท้องให้
ส่วนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาทาง สเตฟาโน กับบานา ก็ได้คอมเมนต์บนอินสตาแกรมต่อว่านักแสดงสาวและนักร้อง เซเลนา โกเมซ ไว้ว่า ‘เธอน่าเกลียด’ ซึ่งทำให้แฟนคลับต่อว่าอย่างรุนแรง และสไตลิสต์ชื่อดังของฮอลลีวูดก็ออกมาแบนการใช้เสื้อผ้าของแบรนด์บนพรมแดง
เราคงต้องติดตามดูว่าดราม่าในครั้งนี้จะส่งผลกระทบในแง่ไหนบ้าง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เป็นมหาอำนาจเชิงธุรกิจแฟชั่นและแบรนด์ก็มีร้านหลายสาขา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือแม้ Dolce & Gabbana จะเจอกระแสมากมาย แต่ธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และทำยอดขายเกินพันล้านเหรียญสหรัฐทุกปี ส่วนวงการนิตยสารแฟชั่นหัวนอกก็ยังคงสนับสนุนการถ่ายเสื้อผ้าอยู่สม่ำเสมอ ทั้งยังออกมาชื่นชมว่าเป็นแบรนด์ที่เฉลิมฉลองความหลากหลายของคนตาม Diversity เห็นได้จากนางแบบที่เลือกมาเดินบนรันเวย์ และนางแบบอย่าง ริฮานนา และ คาร์ดิ บี ก็ยังคงใส่ประจำ
https://www.instagram.com/p/BqR4-DVi4wQ/?utm_source=ig_share_sheet&igshid=aubbafziwhgc
https://www.instagram.com/p/BqbTkY_FB7X/?utm_source=ig_share_sheet&igshid=xnzji6rjsakm
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: