ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการที่มีการใช้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ในตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ และใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (21 เม.ย.) เป็นวันคล้ายวันสถาปนาศาลยุติธรรมครบรอบ 136 ปี ทางศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ขึ้นบริเวณด้านหน้าและด้านข้างของอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 หลังใหม่ เป็นแนวยาวไปถึงด้านหน้าของอาคารชุดบางอาคารที่อยู่ใกล้กับด้านหลังของอาคารศาล โดยได้นำต้นราชพฤกษ์ เหลืองอินเดีย ต้นพะยูง กัลปพฤกษ์ จำนวนรวม 300 ต้น มาร่วมกันปลูก โดยมี ชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ซึ่งเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมและอดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้ให้เกียรติมาร่วมปลูกต้นไม้กับทางศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่นำโดย สวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วย
นายสวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 (เสื้อสูทดำ) เปิดเผยว่า ยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการ และขอประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ว่าจะอย่างไรศาลตั้งใจจะปลูกป่ารักษาป่าอย่างดีที่สุด
“ไม่อยากจะโต้เถียง แต่ในมุมมองของเรา เราทำถูกต้องแล้วในแง่ของกฎหมาย และเป็นทรัพย์สินทำลายยาก ไม่ง่ายที่จะทำลายทิ้ง ที่ผ่านมามีติดต่อจะมาเรื่องรังวัดเขต ต้องเป็นส่วนกลางที่กรุงเทพฯ และ บัณรส บัวคลี่ ตัวแทนเครือข่ายทำหนังสือสอบถามมาเรื่องโครงการปลูกป่าว่าใช้งบประมาณส่วนไหน ซึ่งได้โทรแจ้งว่าใช้เงินกองทุนจากผู้บริจาคของผู้พิพากษา แต่ไม่ได้มาขอเจรจาอะไร”
ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยืนยันอีกว่า พร้อมพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ศาล ไม่ใช่ในค่ายทหาร ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีหนังสือเชิญให้ไปพูดคุยกับประชาชน รวมทั้งการขออนุญาตเข้าพื้นที่ เป็นการขอมากำหนดแนวเขต ไม่ใช่การพูดคุย แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่สำนักงานศาลยุติธรรม หากประชาชนต้องการให้ชี้แจงก็พร้อมจะพูดคุยอย่างสันติวิธี
ขณะที่ นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา อดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 (เสื้อสูทครีม) เสนอให้โอกาสผู้พิพากษาได้พักอาศัยเป็นเวลา 10 ปี เพื่อพิสูจน์ถึงความตั้งใจในการดูแลพื้นที่ป่าไม่ให้เกิดความเสียหาย เพราะในทางกฎหมายการรื้อถอน เป็นไปได้ยาก นอกจากทำลายทรัพย์สินราชการแล้ว ยังต้องมีแนวทางในการหาที่พักใหม่ให้ผู้พิพากษา ที่ต้องใช้เวลาและกำลังจะมีงานใหญ่ที่ต้องพิจารณาคดีเลือกตั้งท้องถิ่น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมกับยืนยันว่า ผู้พิพากษาทุกคนรักเชียงใหม่ รักดอยสุเทพ รักป่า และไม่อยากมีข้อพิพาทกับประชาชน
ส่วนข้อเสนอการใช้กฎหมาย พ.ร.บ. สิ่งแวดล้อม มาระงับการใช้พื้นที่ให้เป็น No Man Land และการผนวกให้เป็นพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ก็เป็นเรื่องยากในทางกฎหมาย
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรมเปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม หรือ ก.บ.ศ. ได้มีการประชุมกันและมีมติว่า เรื่องนี้หากมีการรับฟังความเห็นทุกฝ่าย เเล้วได้ความเห็นนั้นส่งไปยัง พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี แล้วนายกฯ มีการตัดสินใจอย่างไร โดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะไม่ขัดข้อง และยังยืนยันตามเดิม จากที่ ก.บ.ศ. ได้เคยมีหนังสือเรียน นายกฯ ไปก่อนหน้านี้เเล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ และฝ่ายบริหารว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไรต่อไป
อ้างอิง:
