กาตาร์ ประเทศที่ GDP (Gross Domestic Product) อันดับ 1 ของโลก มีสายการบินระดับโลกอย่าง Qatar Airways มีสำนักข่าวที่มาแรงและกำลังเป็นที่สนใจอย่าง Al Jazeera ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกในปี 2022 นี่คือประเทศน้องเล็กในแถบตะวันออกกลาง ดินแดนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งๆ ที่เพิ่งก่อร่างสร้างประเทศภายในเวลาไม่กี่ศตวรรษ
ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กาตาร์ได้เปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว 80 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย นั่นทำให้การแวะพักระหว่างเดินทางต่อเครื่องบินง่ายขึ้นมาก จากปกติที่ช้อปปิ้ง ถ่ายรูปเช็กอินกับเจ้าหมี Untitled Lamp Bear กลางสนามบิน Hamad International Airport ถึงวันนี้นักท่องเที่ยวสามารถก้าวเท้าออกไปสัมผัสกลิ่นไอทะเลทราย และทำความรู้จักประเทศกาตาร์ได้มากกว่าเดิม
เรากำลังจะพาคุณเดินทางไปทำความรู้จักอดีตและตื่นตะลึงไปกับอนาคตของ โดฮา เมืองหลวงของประเทศกาตาร์ ที่บอกได้เลยว่า ‘ไม่ธรรมดา’
Road to Doha Bay
สนามบิน Hamad International Airport อยู่ห่างจากเมืองโดฮาราว 15 นาที ระหว่างที่นั่งรถมองออกไปสองข้างทางจะเห็นภาพกราฟิกผู้ชายมาดเข้มคนหนึ่งติดอยู่บนตึกใหญ่ๆ กระจกรถคันข้างๆ ก็มีภาพผู้ชายคนนี้อยู่เช่นกัน เขาคือ ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล-ธานี (Sheikh Tamim bin Hamad Al Thani) กษัตริย์เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้นำประเทศที่ชาวกาตาร์ให้การสนับสนุนด้วยการติดภาพเขาในทุกทิศทุกทาง หลังจาก GCC (Gulf Cooperation Council) อันประกอบด้วยประเทศซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, อียิปต์ และประเทศในแถบยูเออี ออกมาตรการคว่ำบาตรกาตาร์
ผู้วาดภาพนี้ขึ้นมาคือ Ahmed bin Majed Al Maadheed ศิลปินกาตาร์ และภาพนี้ได้กลายเป็นไวรัลไปทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ของกาตาร์ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ระหว่างทางอีกเช่นกันที่เราจะได้เห็นตึกอาคารที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่โชว์ถึงอนาคตที่น่าจะงดงามและโมเดิร์นมากๆ ของเมือง โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของกาตาร์ รูปร่างของแผ่นวงกลมที่ซ้อนทับกันอย่างลงตัว ออกแบบโดย Jean Nouvel สถาปนิกระดับโลกชาวฝรั่งเศส
นอกจากนี้ยังมีอาคารรูปทรงที่เราต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นตึกทรงซิกแซ็กที่มีชื่อเรียกตรงตัวว่า Zigzag Tower, Tornado Tower และ Doha Tower (Doha Tower ก็เป็นผลงานของ Jean Nouvel เช่นกัน)
Museum of Islamic Arts
ไอแดดร้อนผ่านมาต้อนรับถึงประตูรถ ทำให้เราต้องสอบถามเรื่องสภาพภูมิอากาศของกาตาร์ คำตอบที่ได้คืออุณหภูมิช่วงหน้าร้อนอยู่ราวๆ 40 องศาเซลเซียส ส่วนที่ร้อนที่สุดเคยพุ่งไปแตะ 52 องศาเซลเซียสมาแล้ว ในหน้าหนาวอากาศก็ลดต่ำลงไปอยู่ระดับ 10 กว่าองศาเซลเซียส และที่นี่ไม่มีหน้าฝน ฝนตกราวปีละ 3-4 วันเท่านั้นเอง
พอถามว่าวันฝนตกพวกคุณทำอะไรกัน หนุ่มกาตาร์ยักไหล่บอกว่า “ผมเห็นหลายคนออกมาตากฝนกันนะ”
จากลานจอดรถเดินมาระยะหนึ่ง จะมองเห็นตึกทรงคิวบิกเรียงซ้อนกันแปลกตา ซุ้มโค้งช่องหน้าต่างด้านบน มองแล้วคล้ายผู้หญิงมุสลิมสวมฮิญาบกำลังมองลงมา ตามชื่อที่เรียกกันว่า The Eyes of Doha นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามติดอันดับโลก ฝีมือการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายจีน I. M. Pei คนเดียวกับที่ออกแบบพีระมิด กลางลานพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ในปารีสนั่นเอง
ลวดลายเรขาคณิตที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอิสลาม ออกแบบกลมกลืนไปทั้งอาคาร โถงกว้างสูง 164 ฟุต บริเวณจุดสูงสุดเป็นช่องแสงที่สาดส่องเข้ามาภายใน ตรงกลางโถงเป็นบันไดขึ้นไปสู่ชั้น 2 และชั้นที่สูงขึ้นไป ซึ่งล้วนแต่เป็นห้องที่รวบรวมเอาสิ่งของและศิลปะจากศตวรรษที่ 7-19 ของประเทศอิสลามต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน
ด้านนอกมีทางเดินออกไปชมความงามของตัวอาคารได้จากภายนอก และมีทางเดินเชื่อมไปยังอาคารห้องสมุดของพิพิธภัณฑ์ ความโดดเด่นของรูปทรงเรขาคณิตเมื่อมาพร้อมกับการจัดวางของแสงและเงาที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน ทำให้ตลอดเวลาในการเดินชมที่ Museum of Islamic Arts ความงามของแสงและเงาก็เปลี่ยนตามไปเรื่อยๆ
มุมนั่งพักที่ดีงามที่สุดคือ The Fountain Cafe คาเฟ่ที่อยู่ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ ที่นั่งวางเรียงตามโค้งของกระจก มองเห็นวิวทะเลอ่าวโดฮาได้อย่างสวยงาม น้ำพุที่อยู่ในบริเวณก็แสดงความประณีตของการออกแบบเชิงเรขาคณิต ที่กลมกลืนไปด้วยกันอย่างลงตัว
Msheireb Museums
ทำความรู้จักที่มาที่ไป กว่าจะมาเป็นกาตาร์ ประเทศที่ GDP ต่อหนึ่งประชากรสูงสุดในโลก ด้วยการเดินทางไป Msheireb Museums พิพิธภัณฑ์บ้านเก่าแก่ 4 หลังในย่านที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองโดฮา ประกอบด้วย Bin Jelmood House, Company House, Mohammed Bin Jassim House และ Radwani House ที่ทุกวันนี้ได้กลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พาเราย้อนเวลากลับไปทำความรู้จักอดีตของกาตาร์
บ้านแต่ละหลังทำหน้าที่ต่างกันออกไป Bin Jelmood House บอกเล่าประวัติศาสตร์ของการค้าทาสในอาหรับ, Mohammed Bin Jassim House เล่าประวัติศาสตร์ของ Msheireb และแผนการสร้างเมืองในอนาคต ทำให้เราได้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า ‘น้ำมัน’ สร้างประเทศกาตาร์ขึ้นมาให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร, Radwani House เป็นรูปแบบของบ้านในกาตาร์ราวปี 1930 สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนนั้น
และที่อยากแนะนำในครั้งนี้คือ Company House ที่ทำให้เราได้เห็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การทำงานของคนงานและครอบครัวที่ช่วยกันก่อร่างให้ประเทศกาตาร์ร่ำรวยขึ้นมาได้ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น ป้ายร้านค้า สมุดบันทึกที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความยากลำบากในชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็บอกเล่าความเชื่อที่ว่า การต่อสู้อย่างแสนสาหัสต่างหากที่จะนำมาสู่ความสำเร็จ
ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีคุณค่าในตัวของมันเอง ผู้คนที่ปรากฏรายชื่อและข้าวของในพิพิธภัณฑ์ พวกเขาต่างทำงานหนักอยู่ในทะเลทราย โดยไม่รู้หรอกว่ากาตาร์จะเปลี่ยนโฉมหน้าจากประเทศที่เคยยากจนที่สุดในกลุ่มประเทศเปอร์เซีย จนกลายมาเป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้านเช่นวันนี้
Katara Village
ช่วงกลางวันเราอาจจะเห็นผู้คนบนท้องถนนน้อยสักหน่อย ก็เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่พอแดดเริ่มอ่อน เราจะเห็นความคึกคักของเมืองเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามอุณหภูมิที่ค่อยๆ ลดต่ำลง
Katara Village หรือหมู่บ้านวัฒนธรรมคาทารา เป็นศูนย์รวมของร้านอาหาร แกลเลอรี โรงละคร คอนเสิร์ตฮอลล์ รวมทั้งบริเวณจัดทำเวิร์กช็อปต่างๆ จะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านศิลปวัฒนธรรมก็ไม่ผิดนัก ไฮไลต์ของย่านนี้ต้องยกให้ Katara Masjid มัสยิดที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี Zainab Fadil Oglu
Katara เป็นชื่อเรียกกาตาร์ในยุคก่อนศตวรรษที่ 18 และในย่าน Katara Village ก็ใช้เป็นที่ตั้งของหน่วยงานสำคัญๆ เช่น Qatar Fine Arts Society, Visual Art Centre, the Qatari Society for Engineers ถ้าใกล้ช่วงวันเดินทาง ลองเช็กตารางกิจกรรมก่อนไปจะได้จัดสรรเวลาถูก เพราะมีการจัดฉายภาพยนตร์ คอนเสิร์ต หรือเวิร์กช็อปศิลปะให้ได้เข้าร่วมอยู่เป็นประจำ
Souq Waqif
แหล่งแฮงเอาต์ที่เรายกให้เป็นไฮไลต์ที่ห้ามพลาด คือ การเดินตลาด หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า Souq โดยเฉพาะตลาด Waqif ที่เป็นสีสันยามค่ำคืนของเมืองกาตาร์
จริงๆ แล้วตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าแก่ของเมือง แต่เพิ่งปรับปรุงเมื่อราวปี พ.ศ. 2547 นี้เอง บรรยากาศจึงดูสะอาดสะอ้านน่าเที่ยวชม ตัวตลาดค่อนข้างใหญ่และแบ่งเป็นสัดส่วนของสินค้าต่างๆ ชัดเจน มีทั้งเครื่องเทศ ไข่มุก ร้านขายทอง จิวเวลรี ของที่ระลึก พรม เสื้อผ้า ร้านอาหาร คาเฟ่สูบบารากุ บูทีกโฮเทล รวมถึงสิ่งที่หายากในตลาดไหนๆ บนโลก นั่นคือร้านและโรงพยาบาลสำหรับเหยี่ยว!
คล้ายๆ หลุดเข้าไปในนิยาย Harry Potter แค่เปลี่ยนตรอกไดแอกอนให้ร้อนชื้นขึ้นมาหน่อย แล้วนกฮูกแทนที่ด้วยนกเหยี่ยว เราจะพบเห็นร้านขายเหยี่ยวที่มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบการเลี้ยงต่างๆ จะว่าไป วัฒนธรรมการเลี้ยงเหยี่ยวเพื่อล่าสัตว์เป็นสิ่งที่สืบทอดมายาวนานในประเทศแถบเปอร์เซีย การเลี้ยงเหยี่ยวสายพันธุ์ดีบ่งบอกฐานะของผู้เลี้ยง และค่าตัวของเหยี่ยวลักษณะดีมีราคาสูงถึงหลักหลายแสนบาท!
จากบริเวณตลาดนกเหยี่ยว แนะนำให้ลองแวะพักจิบกาแฟอารบิก ที่รสชาติออกขมนิดๆ ปกติเสิร์ฟคู่กับอินทผลัมเพื่อให้ความหวานจากผลไม้ซึมเข้าไปในรสกาแฟ เครื่องดื่มนี้ดื่มได้ตลอดเวลา เพราะใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน โดยจะเสิร์ฟในจอกเล็กๆ แล้วเติมได้บ่อยๆ จะเรียกว่าเป็นเครื่องดื่มในวงสนทนาก็ไม่น่าผิดนัก
ร้านรวงในตลาดแห่งนี้มีมากมาย ใช้เวลาเดินเล่นเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังไม่ครบทุกบริเวณ แนะนำว่าลองเลือกสักร้านในตลาด นั่งชมบรรยากาศ สั่งโรตีมาแกล้ม ยิ่งดึกอากาศยิ่งลดดีกรีความร้อนลง และที่นี่ก็คึกคักไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวไหนๆ ในโลก
อ้างอิง:
- www.worldatlas.com/articles/the-richest-countries-in-the-world.html
- www.businessinsider.com/20-best-airlines-world-2017-skytrax-2017-6/#1-qatar-airways-20
- Where to Stay: Grand Hyatt Hotel โรงแรมห้าดาวที่คู่ควร ล็อบบี้กลางโปร่งโล่ง ตกแต่งสวยงาม มีร้านอาหารอีสานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านยอดนิยมของเมืองอยู่ด้วย ส่วนอเมริกันเบรกฟาสต์คุณภาพดี เติมเต็มมื้อเช้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ doha.grand.hyatt.com/en/hotel/home.html
- การแต่งตัวระหว่างท่องเที่ยวในกาตาร์ เพื่อมารยาทในดินแดนมุสลิม ควรสวมเสื้อมีแขน และกระโปรง หรือกางเกงที่ยาวเกินเข่า และหากจะถ่ายรูปผู้คนที่นั่นควรขออนุญาตเสียก่อน
- ของฝากจากโดฮา แนะนำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับถั่ว อินทผลัม ที่ราคาและคุณภาพดี
- สายการบิน Qatar Airways เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-โดฮา วันละ 5 เที่ยวบิน รายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.qatarairways.com/th #qatarairways #dohatogether