บริษัทด้านสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ยื่นฟ้อง รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เจ้าของฉายา ‘ทรัมป์ 2.0’ ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้สมัครคนสำคัญที่จะท้าชิงตั๋วผู้แทนพรรครีพับลิกันกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2024 นี้ โดยเดอซานติสถูกฟ้องด้วยข้อกล่าวหา ใช้อำนาจรัฐแก้แค้น-พุ่งเป้าโจมตี Disney
Disney ยื่นฟ้องเดอซานติสต่อศาลในเมืองแทลลาแฮสซี เมื่อวานนี้ (26 เมษายน) พร้อมอ้างว่า เดอซานติสใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบ แก้แค้นและพุ่งเป้ามาที่ Disney หลังจากที่ Disney เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงจุดยืนต่อต้านกฎหมายของรัฐฟลอริดาที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Don’t Say Gay รวมถึงกฎหมายของรัฐที่ห้ามไม่ให้มีการสนทนาถึงเรื่องรสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศในโรงเรียนประถมศึกษา
ทำให้เดอซานติสตัดสินใจเดินหน้าถอดสิทธิ์ของ Disney ในการปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสนุกและโรงแรมที่พักหลายแห่งในเครือ Disney มานานหลายทศวรรษ ด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาควบคุมดูแลกิจการแทน
โดยคณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจ Disney World ที่เดอซานติสแต่งตั้งมานี้ได้ยกเลิกข้อตกลงการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับสวนสนุกในฟลอริดาของบริษัท Disney พร้อมทั้งลงมติให้ข้อตกลงที่ระบุว่า Disney คือผู้ที่มีอำนาจดูแลงานการออกแบบและการตัดสินใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับการก่อสร้างแต่เพียงผู้เดียวเป็นโมฆะ จึงยิ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่กับนักการเมืองพรรครีพับลิกันรายนี้บานปลายเป็นอย่างมาก
Disney ระบุว่า การกระทำของเดอซานติสในการพยายามที่จะควบคุมการดำเนินงานดังกล่าว ถือเป็นการคุกคามการดำเนินธุรกิจของ Disney ภายในรัฐฟลอริดา และเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ Disney ยังเผยอีกว่า “Disney เสียใจที่ต้องมาลงเอยด้วยแนวทางนี้ แต่ด้วยความพยายามอย่างเหน็ดเหนื่อยในการแสวงหาข้อยุติ บริษัทจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยื่นฟ้องเพื่อปกป้องสมาชิก แขกรับเชิญ และบรรดาหุ้นส่วนในการพัฒนาท้องถิ่น จากการรณรงค์อย่างไม่ลดละเพื่อสร้างอำนาจให้รัฐบาลท้องถิ่นใช้เป็นอาวุธโจมตี Disney และเพื่อตอบโต้เอาคืนที่ Disney แสดงออกทางการเมืองและไม่เห็นด้วยกับทัศนคติที่ไม่เป็นที่นิยมของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน”
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเดอซานติสออกมาแย้งว่า การทำข้อตกลงดังกล่าวของ Disney เป็นไปเพื่อคงอำนาจบริหารไว้กับตน ไม่ได้มีผลตามกฎหมาย พร้อมทั้งอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้มีการออกประกาศต่อสาธารณะอย่างถูกต้องเหมาะสม
ขณะที่ บ็อบ ไอเกอร์ CEO ของ Disney ยืนยันว่า ข้อตกลงทั้งหมดที่ตนเคยทำไว้กับคณะกรรมการชุดก่อนมีผลตามกฎหมายและได้รับการอนุมัติจากการประชุมเวทีสาธารณะแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า การกระทำใดๆ ต่อบริษัทที่คุกคามตำแหน่งงานหรือการขยายงานของรีสอร์ตในฟลอริดา ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การต่อต้านธุรกิจของ Disney แต่เป็นการต่อต้านฟลอริดาด้วย
ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images, Chris Dorney / Shutterstock
อ้างอิง:
