สายหารเริ่มว้าวุ่น เมื่อ Disney+ ห้ามแชร์รหัสผ่านบริการสตรีมมิง ย้ำหากเพิ่มสมาชิกอื่นในบัญชีต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม เริ่มในบางประเทศเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนประกาศใช้ทั่วโลกเดือนกันยายนนี้
บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Disney กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มประกาศใช้มาตรการห้ามให้สมาชิกแชร์บัญชีบริการสตรีมมิงอย่างจริงจัง โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่บริษัทต้องการจะเพิ่มจำนวนสมาชิกและรายได้ให้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทำไมกันนะ ‘วิดีโอสตรีมมิง’ ถึงได้ปรับราคาเพื่อดึงเงินออกจากกระเป๋าลูกค้าให้มากขึ้น?
- Disney+ Hotstar เผยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เสียผู้ติดตามไปอีกกว่า 12.5 ล้านราย จ่อขึ้นราคาหวังฟื้นกำไร
- ดิสนีย์ให้ตุ๊กตาหมี ‘Duffy’ ออกมาปรากฏตัวในซีรีส์บน Disney+ หลังขึ้นแท่นสินค้าขายดีที่สุด
ถึงกระนั้น Disney ก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดค่าธรรมเนียมหากเจ้าของบัญชีต้องการให้สมาชิกคนอื่นเข้ามาใช้งานด้วย ซึ่งดูเหมือนกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทลดต้นทุน และจะทำให้ Disney+ และ Hulu กลับมาทำกำไรได้
หลังจากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2023 Disney+ สูญเสียสมาชิกกว่า 1.3 ล้านราย (ไม่รวม Disney+ Hotstar) จากการปรับขึ้นราคาการสมัครสมาชิกสตรีมมิง โดยมีค่าสมัครที่ถูกที่สุดราว 6.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (253 บาท) และหากสมัครสมาชิกแบบรวมทั้ง Hulu และ Disney+ ราคาสมาชิกจะอยู่ที่ราว 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (362 บาท)
จากรายงานไตรมาสล่าสุดระบุว่า Disney+ มีสมาชิก 150 ล้านราย ส่วน Hulu มีสมาชิกประมาณ 50 ล้านราย แน่นอนว่าเมื่อสมาชิกลดลง ในแง่ของรายได้และกำไรก็ต้องลดลงเช่นกัน จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของไอเกอร์ที่จะต้องเร่งทำให้ธุรกิจสตรีมมิงมีรายได้และกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
“ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจให้ได้” ไอเกอร์ย้ำ
ทั้งนี้ บนเส้นทางธุรกิจสตรีมมิงนั้นไม่ง่าย ทั้งการแข่งขันในตลาด และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่านโยบายห้ามแชร์รหัสผ่านผู้ใช้งานจะสามารถเพิ่มยอดสมาชิกได้ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ เพราะแม้แต่ Netflix ที่เป็นคู่แข่งรายใหญ่ก็ยังต้องเผชิญความท้าทายด้วยเช่นกัน
หากย้อนไปในปีที่ผ่านมา Netflix ได้ออกนโยบายห้ามแชร์รหัสผ่านผู้ใช้งาน ซึ่งอนุญาตให้แค่คนที่อยู่บ้านเดียวกันเท่านั้น เพราะหวังว่าการควบคุมการแชร์รหัสผ่านจะช่วยเพิ่มรายได้ แต่ Netflix ก็เริ่มมาถูกทาง เห็นได้จากผลประกอบการรายไตรมาสปรับตัวดีขึ้นแม้จะเติบโตช้าลงก็ตาม เช่นเดียวกับ HBO Max หรือที่รู้จักกันในชื่อ Max ซึ่งมีแผนจะเริ่มมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านปลายปีนี้
อ้างอิง: