ดูเหมือนว่านอกจากราคาอาหารแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้คือนโยบายของสตรีมมิงเจ้าต่างๆ ที่เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนค่าบริการที่ผู้ใช้จะต้องเป็นคนจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่แพงขึ้นแทบทั้งสิ้น
ล่าสุด Disney+ Hotstar ได้ออกมาประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายนเป็นต้นไป ทางผู้ใช้บริการจะสามารถเลือกสมัครสมาชิกได้ 2 แพ็กเกจ โดยจะแบ่งเป็น Disney+ Hotstar มือถือ และ Disney+ Hotstar พรีเมียม ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้อีกเช่นกันว่าจะสมัครเป็นแบบรายเดือนหรือรายปี และแน่นอนว่าทั้งสองแพ็กเกจนั้นมีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับราคาที่ต้องจ่าย
โดยแพ็กเกจแรกอย่าง Disney+ Hotstar มือถือ ประกอบไปด้วย
- ค่าบริการรายเดือน 99 บาท
- ค่าบริการรายปี 799 บาท
- สามารถดูได้ทุกเรื่อง
- สามารถดาวน์โหลดและดูแบบไม่ใช้อินเทอร์เน็ตได้ (เฉพาะเนื้อหาบางเรื่อง และดูบนมือถือเท่านั้น)
- สามารถสร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 7 โปรไฟล์
- ดูพร้อมกันได้ 1 หน้าจอ
- ไม่สามารถสตรีมผ่าน AirPlay หรือการแคสต์ได้
- ความชัดสูงสุดอยู่ที่ HD (720p)
- คุณภาพระบบเสียงสเตอริโอ
- ดูได้แค่เฉพาะบนมือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น
ส่วนแพ็กเกจที่สองอย่าง Disney+ Hotstar พรีเมียม ประกอบไปด้วย
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท
- สามารถดูได้ทุกเรื่อง
- สามารถดาวน์โหลดและดูแบบไม่ใช้อินเทอร์เน็ตได้ (เฉพาะเนื้อหาบางเรื่อง และดูบนมือถือเท่านั้น)
- สามารถสร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 7 โปรไฟล์
- ดูพร้อมกันได้ 4 หน้าจอ
- สามารถสตรีมผ่าน AirPlay หรือการแคสต์ได้
- ความชัดสูงสุดอยู่ที่ 4K Ultra HD (2160p)
- คุณภาพระบบเสียง Dolby 5.1, Dolby Atmos และ Dolby Vision
- สามารถดูได้ทั้งบนมือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป และทีวี
นอกจากนี้ สำหรับใครที่ได้สมัครสมาชิกก่อนวันที่ 29 มิถุนายน แพ็กเกจปัจจุบันที่สมัครจะถูกเปลี่ยนเป็นชื่อ ‘Disney+ Hotstar Premium’ ซึ่งก็คือแพ็กเกจที่จะต้องจ่ายค่าบริการ 2,290 บาทต่อปี
อ้างอิง