Disney เตรียมรวมบริการของ Hulu และ Disney+ ในอเมริกาเข้าเป็นบริการเดียว หวังเพิ่มความสะดวกให้กับสมาชิก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Disney+ สูญเสียสมาชิกไปมากถึง 4 ล้านราย ในช่วง 3 เดือนแรกของปี อาจเป็นไปได้ว่าสาเหตุดังกล่าวมาจากการขึ้นราคาสมาชิก
แน่นอนว่าทำให้บริษัทตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ต้องเน้นปรับปรุงสถานภาพการเงิน รวมถึงการลดจำนวนพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ธุรกิจสตรีมมิงของบริษัทที่ยังขาดทุนอยู่ที่ 659 ล้านดอลลาร์ มีแนวโน้มลดลงถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไม่มีอีกแล้ว ‘เวทมนตร์’ ของ Disney นักลงทุนกังวลอาจกำลังเผชิญ ‘ฝันร้าย’ เหมือน Netflix
- จับตาสัญญาณหุ้น ปี 2023 สตรีมมิงยักษ์ใหญ่ Disney-Netflix ยังเผชิญความยากลำบาก เร่งหั่นราคาโฆษณาเพิ่มรายได้
- ซีอีโอ Disney หวัง Disney+ ทำกำไรได้ในปีหน้าหากไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเสียก่อน หลังมีฐานลูกค้ารวม 235 ล้านคน แซง Netflix ไปแล้ว
“Disney มาถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องเร่งกลยุทธ์ใหม่ๆ เข้ามาผลักดันให้ธุรกิจสตรีมมิงกลับมามีกำไรให้ได้ในปี 2024” Bob Iger ผู้บริหารระดับสูงของ Disney กล่าว
แต่การปรับตัวของ Disney ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังเจอปัญหาของความขัดแย้ง เมื่อนักเขียนบทภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายพันคนนัดหยุดงานพร้อมกันครั้งแรกในรอบ 15 ปี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินและปรับวิธีการทำงานให้ดีขึ้น
ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับบริษัท โดย Christine McCarthy ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Disney ก็ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขค่าความเสียหาย และค่าใช้จ่ายจากการประท้วงครั้งล่าสุดได้
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Disney ได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิง โดยเปลี่ยนจากบริษัทที่เติบโตมาจากโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสวนสนุก จนกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสตรีมมิง
โดยปัจจุบัน Disney+ มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกมากถึง 158 ล้านราย ซึ่งถือว่าขยับตามมาติดกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Netflix ที่มีสมาชิกมากถึง 232.5 ล้านราย
อ้างอิง: