การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Disney+ Hotstar ในไทย ซึ่งจะเริ่มรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นไป นอกจากราคาที่เปิดตัวมาอย่างเร้าใจเพียง 799 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าถูกกว่า Netflix อีกหนึ่งยักษ์สตรีมมิงที่เข้ามาก่อนและมีราคาค่าบริการถูกที่สุดเดือนละ 99 บาท (ดูได้ 1 บัญชีเฉพาะมือถือ ส่วนของ Disney+ Hotstar แม้ราคารายเดือนจะ 99 บาทเหมือนกัน แต่สามารถดูได้ 2 อุปกรณ์ ต่อ 1 บัญชี)
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้ Disney+ เลือกที่จะแต่งตั้งให้ AIS ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของค่ายโทรคมนาคมของบ้านเรา (AIS มีลูกค้ากว่า 42.7 ล้านเลขหมาย ณ เดือนมีนาคม 2564) ในการทำหน้าที่เป็น ‘ผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ’ พร้อมกับมีการทำโปรโมชันสำหรับลูกค้า AIS ด้วยการลดราคา 50% เหลือเพียงเดือนละ 35 บาท นาน 12 เดือน เมื่อสมัครในช่วง Early Bird ตั้งแต่วันที่ 8-27 มิถุนายนนี้
คำถามคือ ทำไม Disney+ Hotstar ซึ่งเป็นที่รอคอยของลูกค้าคนไทยอยู่แล้ว แถมราคาที่เข้ามาก็ฆ่าผู้ที่เข้ามาก่อนได้สบายๆ จึงเลือกที่จะจับมือ AIS ซึ่ง AIS เองก็มีสตรีมมิงของตัวเองภายใต้ชื่อ AIS Play อยู่แล้วด้วย
ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ Variety ได้รายงานข่าวลือว่า Disney+ Hotstar จะให้บริการในไทยโดยจับมือกับ AIS ซึ่งในรายงานชิ้นนี้ยังระบุด้วยว่า Disney+ Hotstar มักจะร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในพื้นที่ เพื่อให้บริการด้านการตลาดและการเรียกเก็บเงินจากผู้บริโภค
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นในภายหลังว่า ความร่วมมือของ AIS และ Disney+ Hotstar จะมีลักษณะเหมือนกับในต่างประเทศ คือจะร่วมมือกันในการทำการตลาดและการเรียกเก็บเงิน ซึ่ง AIS มีโครงการพื้นฐานบริการเหล่านี้อยู่แล้ว
แต่สิ่งซ่อนอยู่ในการเป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการของ AIS คือ AIS จะเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวในประเทศไทยที่สามารถออกแพ็กเกจแบบรายเดือน ซึ่งหากเป็นลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้า AIS จะต้องสมัครแบบรายปีเท่านั้น
เบื้องต้นแพ็กเกจที่ออกมาคือเดือนละ 99 บาท โดยหลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว แพ็กเกจอื่นๆ ถึงจะได้รับการเปิดเผยออกมา
ดังนั้นการจับมือในครั้งนี้ก็ถือว่า Win-Win ทั้งคู่ เพราะ Disney+ Hotstar ก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากของ AIS ได้ทันที ในขณะที่ AIS นั้นก็จะสามารถใช้ Disney+ Hotstar มาเป็นแรงดึงสำหรับลูกค้าใหม่
ในงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ Disney เชื่อว่า การจับมือกับ AIS ในฐานะผู้ให้บริการที่มีฐานลูกค้าสูงที่สุดในไทย จะเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยให้พวกเขาเข้าถึงผู้บริโภคในไทยได้อย่างหลากหลายในช่วงเปิดตัว โดย AIS ขอปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่า ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการได้ตั้งเป้าหมายลูกค้าไว้ที่เท่าไร
ขณะเดียวกันแม้ AIS จะมีสตรีมมิงของตัวเองภายใต้ชื่อ AIS Play อยู่แล้ว แต่ปรัธนาก็ระบุว่า ลูกค้าจะไม่ทับซ้อนกัน
“ในโลกของสตรีมมิงมีความแตกต่างทั้งเนื้อหาและความหลากหลาย ทั้งเซกเมนต์ผู้รับชมและลักษณะของคอนเทนต์ ดังนั้นระหว่าง AIS Play และ Disney+ Hotstar ไม่ทับซ้อนกันแน่นอน เพราะสิ่งที่ Disney+ Hotstar มี ไม่ใช่สิ่งที่เรามีอยู่ เชื่อว่าลูกค้าจะมองหาคอนเทนต์ที่หลากหลายจาก Disney+ Hotstar”
ในแง่ของการแข่งขันนั้น ปรัธนาขอไม่ตอบว่าการเข้ามาของ Disney+ Hotstar จะทำให้สงครามสตรีมมิงดุเดือดขึ้นไหม แต่ที่แน่ๆ คือจะทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- มาจริงไม่มีข่าวลือ Disney+ Hotstar เตรียมเปิดให้บริการในประเทศไทย 30 มิถุนายนนี้
- ระเบิดศึกวิดีโอสตรีมมิง! ซีอีโอ Disney คอนเฟิร์ม ‘Disney+’ จะเปิดให้บริการในไทย 30 มิถุนายนนี้
- เว็บไซต์ต่างประเทศเผย Disney+ Hotstar อาจเปิดตัวในประเทศไทยผ่านการจับมือกับ AIS
- ตลาดสตรีมมิงมีหนาว ‘Disney+ Hotstar’ ไทยมาแล้ว เริ่มดูได้ 30 มิ.ย. นี้ ค่าสมาชิก 799 บาทต่อปี ใช้ AIS ได้ราคาพิเศษ 35 บาทต่อเดือน