Dior Men’s Fall/Winter 2021 กับคอลเล็กชันที่ตอกย้ำว่าทำไม Kim Jones ถึงเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์เสื้อผ้าผู้ชายที่สำคัญที่สุดแห่งยุค

น่าจะนับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย กดดัน ตื่นเต้น และสำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นดีไซเนอร์ของ คิม โจนส์ ตั้งแต่เขาเรียนจบจากมหาวิทยลัย Central Saints Martin ในปี 2002 เพราะในอีกไม่กี่วันเขาก็จะเสนอผลงานแรกที่ Fendi ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์เสื้อผ้าผู้หญิงสำหรับคอลเล็กชันกูตูร์ แต่ก่อนที่เราจะไปโฟกัสสิ่งนั้นต่อ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา คิม โจนส์ ก็ได้เสนอล่าสุดสำหรับ Dior Men ที่เขาเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์มาแล้ว 3 ปี สำหรับคอลเล็กชัน Fall/Winter 2021 ซึ่งหากใครคิดว่าเขาจะออมมือและแผ่วลง เพราะเอาพลังไปใส่อีกแบรนด์หนึ่งก็อยากให้คิดใหม่ เพราะผลลัพธ์คอลเล็กชันนี้ก็ยังแข็งแกร่ง สง่างาม และตอกย้ำความสำเร็จและความลงตัวของเสื้อผ้ากลุ่มผู้ชายของแบรนด์ Dior

สำหรับคอลเล็กชันนี้ทาง คิม โจนส์ ยังคงใช้หลักสูตรเดิมในการชวนศิลปินมาร่วมทำงานด้วย โดยครั้งนี้ถือเป็นคราวของ ปีเตอร์ ด็อก จิตรกรชาวสกอตแลนด์ที่ใช้ชีวิตระหว่างเกาะตรินิแดดและลอนดอน ซึ่งโดดเด่นเรื่องภาพภูมิทัศน์ (Landscape) ที่ผสมเรื่องราวความทรงจำในอดีตและสิ่งที่ตนพบเห็นในปัจจุบัน

โดยตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ปีเตอร์ ด็อก ได้มีส่วนร่วมในทุกกระบวการทำคอลเล็กชันนี้ ตั้งแต่ฉากแฟชั่นโชว์ที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานชื่อ ‘Speakers’ ของเขาที่เป็นภาพลำโพงยักษ์มากองซ้อนกัน จนถึงเสื้อผ้าที่ผลงานของเขาไปแสดงผลอยู่บนสเวตเตอร์ผ้าโมแฮร์ โค้ตตัวยาว เสื้อเชิ้ต และหมวกที่ดีไซน์โดย สตีเฟน โจนส์ ดีไซเนอร์หมวกเจ้าประจำของแบรนด์ Dior ซึ่งก็เป็นเพื่อนกับ ปีเตอร์ ด็อก มาตั้งแต่ยุค 80 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ คิม โจนส์ เองมีความคลั่งไคล้อย่างมาก และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในผลงานเป็นประจำ

นอกจากนั้นคอลเล็กชันนี้ คิม โจนส์ ยังมีการศึกษารูปทรงเสื้อผ้าสำหรับพิธีการสำคัญต่างๆ ที่นำมาผสมผสานกับเทคนิคการตัดเย็บกูตูร์ที่เขาทำมาตั้งแต่คอลเล็กชันแรกที่ Dior Men ซึ่งเห็นได้ในเสื้อโค้ตดำ-ทอง ในลุคแรกกับงานปักที่ใช้เวลากว่า 1,200 ชั่วโมงในการรังสรรค์และได้แรงบันดาลใจจากชุดราตรีหนึ่งของ Dior ที่ดีไซน์โดย มาร์ค โบฮัน ในยุค 60

สิ่งที่เราต้องชื่นชม คิม โจนส์ ต่อคือ ทุกซีซันเขาจะเลือกศิลปินที่ยังมีชีวิตมาจากหลากหลายแขนงของโลกศิลปะให้ฐานคนเสพและซื้อแฟชั่นได้รู้จักกัน ตั้งแต่ KAWS, เคนนี ชาร์ฟ, ชอว์น สตัสซี, แดเนียล อาร์แชม จนถึง ปีเตอร์ ด็อก ในครั้งนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เขาได้ศึกษาผลงานอย่างถี่ถ้วน และชวนให้มาเป็นส่วนหนึ่งของการทำคอลเล็กชันที่ไม่ใช่แค่นำผลงานมาสกรีนใส่เสื้อผ้า บวกราคาสูงๆ ไป และทำเพื่อเรียกร้องกระแส โดยทุกชิ้นที่ทำมีเหตุผลและมีคุณค่าที่จะกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าในวันข้างหน้า