×

สำรวจ Cultural Garden การบูรณะครั้งสำคัญในสวนกุหลาบของ Dior

11.08.2021
  • LOADING...
Dior

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • Christian Dior สร้างการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่คือ การย้ายไม้ดอกมาปลูกฝังคืนลงดิน ที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมต่อแนวทางการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน และปกป้องสิ่งแวดล้อม

 

การที่แบรนด์ความงามใหญ่ๆ หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและเริ่มลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความจริงใจ ถือเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญที่ส่งผลให้ผู้คน รวมถึงแบรนด์อื่นๆ คำนึงถึงความสำคัญในการทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน เช่นกันกับ Christian Dior (คริสติยอง ดิออร์) ที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยแพสชันและความรักที่มีต่อดอกไม้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบ รู้หรือไม่ว่าในแต่ละวัน ระหว่างที่เขาพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์หลังใหญ่บนถนนรัวยาลนั้น Christian Dior ชอบใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะตุยเลอรี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอุทยานส่วนหน้าของพระราชวังลูฟวร์

 

 

ด้วยความที่ตัวของ Christian Dior เองมีความรู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อศิลปะนิยมแห่งยุคภูมิปัญญา จึงทำให้นักออกแบบแฟชั่นผู้นี้ชื่นชอบในความวิจิตรบรรจงของราชอุทยาน ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่โดย อังเดร เลอ โนทร์ มากเสียจนตั้งชื่อชุดราตรีสุดอลังการในหลายคอลเล็กชันของตนเองว่า Tuileries (ตุยเลอรี) เพื่อยกย่องเกียรติให้แก่ความงดงามตระการตาน่าประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เขา ดังนั้นในขอบข่ายโครงการ ‘อุทยานวัฒนธรรม Dior’ หรือ Dior Cultural Gardens ซึ่งมีอยู่ในปัจจุบัน Christian Dior Parfums จึงได้ลงนามในข้อตกลงให้ความสนับสนุนต่อการอนุรักษ์สืบสานความงดงามของตุยเลอรีให้ดำรงอยู่ต่อไป

 

สิ่งที่นับเป็นความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่คือ การย้ายไม้ดอกมาปลูกฝังคืนลงดิน ที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมต่อแนวทางการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน และปกป้องสิ่งแวดล้อมไปในตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรทัดฐานการทำงานของ House of Dior 

 

เป็นการสืบสานความผูกพันอันมีแก่กันระหว่างศิลปะที่หล่อเลี้ยงโลก และโลกที่เป็นพลังขับเคลื่อนศิลปะ โดยทำเลด้านหน้าสระน้ำใหญ่ Grand Bassin เหนือพื้นที่ระเบียงร่มไม้ หรือ Terrasse des Feuillants ขึ้นไปในเขตสวนสาธารณะตุยเลอรี เป็นบริเวณที่รู้จักกันทั่วไปในนาม โพรวองซ์จำลอง หรือ La Petite Provence (โพรวองซ์น้อย) ดูเหมือนจะถูกลิขิตมาเพื่อ Dior Parfums ซึ่งมีรกรากหยั่งลึกอยู่ในท้องถิ่นเมืองกราซ ด้วยเหตุนี้ House of Dior จึงตัดสินใจลงนามในข้อพันธะสัญญาให้ความสนับสนุนต่อกระบวนการฟื้นฟูสถานที่สำคัญในฐานะมรดกประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของชาติแห่งนี้ ด้วยความช่วยเหลือในการดำเนินโปรแกรมย้ายพืชพันธุ์เฉพาะมาปลูกฝังลงดินใหม่ โดยมีไม้ดอกบางชนิดตามข้อตกลงครั้งนี้ เป็นไม้ดอกสัญลักษณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การทำน้ำหอมของ Dior ด้วยเช่นกัน

 

 

ในการดำเนินงานครั้งนี้จะมีการขนย้ายกุหลาบประมาณ 200 พุ่มมาลงดินเพื่อปลูกใหม่ในเขตสวนกุหลาบของตุยเลอรี ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วยกุหลาบจากสวนกรองวิลล์ 10 พุ่ม นี่คือกุหลาบในความทรงจำวัยเด็กของนักออกแบบผู้ก่อตั้งห้องเสื้อแฟชั่น ซึ่งปัจจุบัน House of Dior ได้ทำสวนกสิกรรมเพาะปลูกกุหลาบสายพันธุ์นี้อยู่ที่เมืองเกิดของเขาในนอร์มังดี พร้อมกันนั้นกุหลาบ ‘เมย์โรส’ หรือกุหลาบร้อยกลีบ (Centifolia Rose) อันโด่งดังและมีชื่อเสียงจนเป็นตำนานจากความงดงาม ทั้งทางรูปลักษณ์และกลิ่นหอม อีกทั้งยังครองตำแหน่งอัญมณีน้ำงามแห่งเมืองกราซสำหรับใช้ผลิตน้ำหอมของ Dior ก็ถูกนำมาลงแปลงไม้ดอกในกรุงปารีสถึง 10 พุ่ม เช่นเดียวกันกับกุหลาบดามาสก์อีก 6 พุ่ม และลาเวนเดอร์อีก 1,400 ต้น เหล่านี้คือส่วนหนึ่งในไม้ดอกสายพันธุ์ต่างๆ ที่เจิดจรัสความเลอเลิศอยู่ในโครงสร้างการปรุงน้ำหอมของ Dior และบัดนี้ก็จะมาผลิบานอยู่ร่วมกัน ณ ใจกลางโพรวองซ์จำลอง 

 

การมีส่วนช่วยเหลือต่อกระบวนการย้ายปลูกฝังดินลงสวนตุยเลอรีในครั้งนี้ นอกจาก Christian Dior Parfums จะได้ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมทางการจัดสวนแบบปารีเซียงขนานแท้แล้ว ก็ยังถือเป็นโอกาสที่ได้แสดงให้เห็นถึงนโยบายการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนอีกด้วย โดยในปี 2021 บรรดาส่วนผสมดาวเด่นอันเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนผลิตภัณฑ์แต่ละคอลเล็กชันของ Dior มาจาก

 

  • สวนกสิกรรม 8 แห่งในฝรั่งเศสและต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการเพาะปลูกพืช 7 สายพันธุ์ (กุหลาบกรองวิลล์, ลองโกซา, แมลโลว์, โอปิเลีย, ชบาแดง, อีเดลไวส์ และองุ่น)

 

 

  • ในเขตเมืองกราซ ไม้ดอกผลิตน้ำหอม 15 สายพันธุ์ได้รับการเพาะปลูกภายใต้การดูแลของผู้ผลิตหญิง 6 ราย และผู้ผลิตชาย 1 ราย นับตั้งแต่ปี 2006 มีการรื้อฟื้นกรรมวิธีเพาะปลูกแบบดั้งเดิมขึ้นมาปรับปรุง และพัฒนาเพื่อทวีประสิทธิภาพการผลิตภายในดินแดนอันได้ชื่อว่าเป็นบ่อกำเนิดแห่งมวลน้ำหอมโลกแห่งนี้ สำหรับไม้ดอก 4 สายพันธุ์พิเศษ (กุหลาบร้อยกลีบ หรือ กุหลาบเมืองกราซ, ซ่อนชู้, มะลิเขี้ยวงู หรือมะลิเมืองกราซ และดอกส้ม) ผลผลิตทั้งหมดล้วนได้จากกรรมวิธีระบบเกษตรอินทรีย์ โดยมีไร่กสิกรรม 12 แปลงได้รับประกาศนียบัตรยืนยันมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เป็นที่เรียบร้อย และอีก 3 แห่งกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานรับรอง
  • สำหรับสถานที่อื่นในทั่วทุกมุมโลก มีผู้ผลิตคู่ค้าธุรกิจเพิ่มเติมอีก 17 รายดำเนินการเพาะปลูกพืช 8 สายพันธุ์คุณภาพสูงสำหรับใช้ในการผลิตน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ของ Dior (ซ่อนชู้, มะลิเขี้ยวงู, มะกรูด, ไม้จันทน์เทศ, กระดังงา, ใบแพทชูรี, มะลิอินเดีย หรือมะลิแซมบัค และกุหลาบดามัสก์) ซึ่งมีไร่กสิกรรมสองแห่งใช้กรรมวิธีเพาะปลูกระบบเกษตรอินทรีย์
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X