×

มาตามนัด! นายกฯ เข้าสภาตอบกระทู้ก้าวไกล ศิริกัญญาถาม เศรษฐาตอบ ปมดิจิทัลวอลเล็ต-อสังหา

โดย THE STANDARD TEAM
11.07.2024
  • LOADING...

วันนี้ (11 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ซึ่งมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานในการประชุม ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาต่อ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 

 

ศิริกัญญากล่าวก่อนการตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาตอบกระทู้ในสภา ที่เห็นคุณค่าของสภา ยึดถือหลักของการถ่วงดุลจากฝ่ายนิติบัญญัติและยังเคารพหลักการว่าสภาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด แต่นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและในสัปดาห์หน้าขอให้นายกรัฐมนตรีเคลียร์ตารางงานไว้เลย เพราะเราได้เตรียมข้อมูลที่จะถามนายกรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว หรือหากนายกรัฐมนตรีว่างวันพฤหัสบดีไหนก็แจ้งมาได้ เราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก

 

จากนั้นศิริกัญญาเริ่มถามคำถามกับนายกรัฐมนตรีถึงการแถลงข่าวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากมาย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้กันแน่ เนื้อหาที่แถลงปรับแก้เงื่อนไข เพิ่ม ลด เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา เช่น โทรศัพท์มือถือและปุ๋ยที่บอกว่าจะซื้อได้ วันนี้กลับบอกซื้อไม่ได้ และมีเงื่อนไขประหลาดเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อไม่ได้ที่ประหลาด เพราะคนไทยผลิตเองก็เยอะ ที่สำคัญคือการปรับลดเป้าหมายเหลือ 45 ล้านคน โดยอ้างว่ามีคนมีสิทธิแต่จะไม่ลงทะเบียนราว 10% จึงลดเป้าหมายจาก 50 ล้านคนเหลือ 45 ล้านคน 

 

ทั้งยังบอกว่าอาจจะไม่กู้เงินจาก ธ.ก.ส. แล้ว เท่ากับว่าเงินที่จะแจกในโครงการนี้เพียง 4.5 แสนล้านบาท แต่มีคนที่มีสิทธิมากถึง 50 ล้านคน ซึ่งต้องใช้เงิน 5 แสนล้านบาท คำถามคือในขณะนี้งบประมาณมีไม่พอใช่หรือไม่ งบจากปี 2567 ที่เคยจะใช้ 1.7 แสนล้านบาท ตอนนี้เหลือเพียง 1.65 แสนล้านบาท ที่เหลือจะใช้จากงบปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แล้วหากมีผู้ลงทะเบียนครบ 50 ล้านคนจะทำอย่างไร จะยังได้รับสิทธิอยู่หรือไม่ แล้วอีก 5 หมื่นล้านบาทจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ หรือจะใช้เงินคงคลัง 

 

ศิริกัญญาระบุอีกว่า ตนเห็นว่าในเรื่องของรายละเอียดถามไปก็เท่านั้น นายกรัฐมนตรีคงจะตอบว่าเดี๋ยวรอความชัดเจนในวันจันทร์นี้ หรือวันที่ 24 กรกฎาคมก่อน เอาเป็นว่าตอบอะไรได้ก็ตอบ แต่เรื่องที่เป็นกังวลและน่าจะทราบดีคือการใช้งบปี 2567 จากการบริหาร 4.3 หมื่นล้านบาท และมีการบริหารจัดการงบปี 2568 อีก 132,300 ล้านบาทคืออะไร แล้วตกลงจะมีการใช้งบกลางของปี 2567 หรือไม่ หรือจะไปบริหารจัดการอย่างไร จะใช้เงินทุนสำรองจ่ายที่อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือไม่

 

พร้อมมาตอบกระทู้ในสภา

 

ต่อมา เศรษฐาได้ขึ้นตอบคำถามว่า ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับสภานิติบัญญัติ และไม่ได้มีความประสงค์จะหลีกเลี่ยง แต่ภารกิจแน่นเหลือเกิน เมื่อเช้านี้ประมาณ 7 โมงก็เลื่อนภารกิจเพื่อที่จะได้มาตอบคำถามสภาได้ ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและจะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง

 

เราจะแถลงวันที่ 24 กรกฎาคม ทั้งหมดนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากประเภทสินค้าก็เป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่ารัฐบาลเราได้ฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะมีโครงการออกมา เพื่อดูความเหมาะสมและให้ความสำคัญ เรามีการพูดคุยกันตลอด จะได้มีการปรับปรุงและปรับแต่งเพื่อให้โดนใจประชาชนและถูกจุดประสงค์ที่ออกโครงการนี้มาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ส่วนเรื่องงบประมาณต่างๆ งบกลาง เรากันไว้ประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท และเราดูจากสถิติเก่าที่เราประเมินจากรัฐบาลที่แล้ว เราก็วิเคราะห์ดูว่าคนที่มาเข้าสิทธิมีกี่คน จะได้เตรียมงบประมาณได้เต็มที่ 

 

“งบประมาณตัวนี้ เรามั่นใจว่าเราจะพินิจพิเคราะห์อย่างดีว่าจะต้องโดนจุดและเป็นไปตามกฎหมาย ซื่อสัตย์สุจริต เป็นไปตามกฎกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้องครับ” เศรษฐากล่าว

 

เศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่ถามมาตนขอชี้แจงเพิ่มเติม ว่าเป็นนโยบายหลักของเรา เหตุผลที่เราต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน และจำกัดพื้นที่ในการใช้ เพราะเราไม่ต้องการให้จำกัดแค่ความเจริญอยู่ในหัวเมืองหลักอย่างเดียว การที่พี่น้องประชาชนมีบัตรประชาชนและอยู่ในอำเภอไหนใช้ในอำเภอนั้น เพื่อที่จะให้เงินที่เราแจกไปได้ใช้ในอำเภอนั้นๆ กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ เช่น หนองบัวลำภู บึงกาฬ หรือมหาสารคาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคให้เป็นไปตามความต้องการของทุกๆ ท่าน

 

“เรามั่นใจว่าวันที่ 24 กรกฎาคม จะมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ของงบประมาณ ประเภทสินค้าที่จะออกมา ขอบคุณครับ” เศรษฐากล่าว

 

ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น?

 

จากนั้นศิริกัญญาถามต่อในคำถามที่ 2 ว่า ตั้งแต่นายกฯ เริ่มบริหารราชการแผ่นดินจนถึงตอนนี้ก็กว่า 10 เดือนแล้วมีข้อสังเกตว่า ในงบกลางปี 2567 แทบจะไม่ได้อนุมัติเลย ซึ่งจริงๆ แล้วมีปัญหาของประชาชนหลายเรื่องที่รอการแก้ไขแต่กลับไม่มีอะไรออกมาเลยในระยะนี้ เป็นเพราะว่าต้องเก็บเงินก้อนนี้ไปไว้ใช้เพื่อดิจิทัลวอลเล็ตนั่นเอง 

 

แล้วประชาชนก็ยังต้องรอต่อไปจนถึงไตรมาส 4 และยังไม่รู้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคม พฤศจิกายน หรือธันวาคมที่จะได้รับเงินตรงนี้ หรืออาจจะหลังจากนั้นก็เป็นได้ ปัญหาเร่งด่วนมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจคือค่าครองชีพของประชาชน สิ่งที่ประชาชนสนใจคือเวลาที่ข้าวของแพงขึ้นราคาไม่ได้ลดลงตามเงินเฟ้อ และยังไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชน ปัญหาอย่างอื่นก็ตามมาแม้นายกรัฐมนตรีจะเลิกพูดแล้วว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤต แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข

 

ทั้งนี้มีการของบกลางไปช่วยพยุงราคาน้ำมัน 6.5 พันล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่อนุมัติ ทั้งที่งบกลางก็ไม่ได้ใช้ หากไม่อยากอุดหนุนราคาน้ำมันด้วยการลดภาษีสรรพสามิตเหมือนเดิม เลือกอุดหนุนเฉพาะกลุ่มก็ได้ อาจจะแจกเป็นคูปองลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มขนส่งหรือประชาชน แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพเลย 

 

ยืนยันใช้งบกลางดูแลประชาชน

 

เศรษฐากล่าวตอบคำถามที่ 2 ว่า เรื่องที่ท่านถามมาว่างบกลางไม่ได้ไปช่วยเหลือประชาชนเลยเราก็ขอยืนยันว่าเราใช้งบกลางดูแลเรื่องค่าน้ำมันและค่าไฟ หลายเรื่องเราใช้งบกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร ดูแลเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง การสร้างถนน ดูแลสถานพยาบาลต่างๆ 

 

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม เราเห็นต่างกันเยอะเรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤต ต้องกระตุ้นหรือเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจบ้างหรือไม่ ตนขอเล่าภาพรวมให้ฟัง พวกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยโตต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้อัตราการเติบโตมีเพียง 3% ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็นคนที่รวยแล้วก็รวยอีก คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็ค่อนข้างราบเรียบ ส่งออกก็ติดลบ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและพลังงาน

 

“ที่ท่านให้คอมเมนต์มาเรื่องการปิดตัวของโรงงานเนี่ยชัดเจน ว่าอุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวเข้ากับความต้องการของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ต้องเจรจากับบริษัทเทคใหญ่ๆ” เศรษฐากล่าว

 

เศรษฐายังกล่าวว่า เรื่องสงครามการค้าหรือภูมิรัฐศาสตร์เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร และเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่ก็ทำให้การส่งออกลดน้อยลง เราต้องเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อทำให้เขามีความมั่นใจมาลงทุนและซื้อสินค้าไทย

 

“เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่แบกเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน เราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อ วันก่อนประเทศอินเดีย เรายกเว้นวีซ่าที่จะให้เขาเป็นการชั่วคราว เราจะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง” เศรษฐากล่าว

 

เศรษฐากล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมอัตราการเติบโตก็ตกหมด ต่ำกว่า 60% แสดงว่าคนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะหากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ ท่านลองจินตนาการดูแล้วกันว่าโรงงานเหล่านี้จะผลิตสินค้ามารองรับการซื้อของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ตรงนี้จะเกิดการจ้างงาน ประชาชนก็มีความหวัง

 

อีกเรื่องหนึ่งเป็นปัญหายาเสพติด เราต้องยอมรับว่าหากเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามา แต่หากประชาชนของเรายังมัวเมา ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ 

 

เศรษฐายังกล่าวถึง กอ.รมน. ที่หลายท่านอยากให้ยุบ แต่ตนยังเห็นศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ สามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม กันที่ดินทหารมาให้ประชาชนทำกิน ซึ่งในการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง หนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ให้หนี้นอกระบบหมดไป เพราะหากมีหนี้นอกระบบก็ไม่มีแรงทำงานและไปหวังพึ่งยาเสพติด

 

“เราแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนามมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ และบินไปเจรจาการค้าเพื่อจะให้มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ดีเพิ่ง 10 เดือน ทุกท่านทราบดีว่าจะให้ลงทุนเป็นแสนล้านต้องใช้เวลานานเท่าไร กว่าเขาตัดสินใจลงทุนในประเทศ แต่ก็มีการพัฒนาในขั้นตอนต่างๆ ไปในทางที่ดี” เศรษฐากล่าว

 

เศรษฐาย้ำอีกว่า เรื่องการเกษตรก็เป็นสิ่งสำคัญพี่น้องหลาย 10 ล้านคนยังต้องพึ่งการเกษตรอยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ลงพื้นที่ไปทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การเปิดตลาดค้าขาย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปี นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความพร้อมในการผลักดันสินค้าฮาลาล

 

เศรษฐากล่าวทิ้งท้ายในการตอบคำถามที่ 2 ว่า เราเองก็อยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย พยายามไม่ทะเลาะกับใคร อยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคน และสามารถส่งผ่านสินค้าออกไปได้

 

แนะสร้างแรงจูงใจท้องถิ่น กระตุ้นใช้จ่าย

 

จากนั้นศิริกัญญาตั้งคำถามที่ 3 ระบุว่า ดูนายกฯ ชอบตอบกระทู้ เพราะตอบคำถามเลยเวลาไปมาก อย่างไรก็ตามที่ไม่ได้ตอบคำถามที่ตนถามก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่าไม่มีมาตรการช่วยพยุงค่าครองชีพ และไม่มีมาตรการเกี่ยวกับโรงงานปิดกิจการและ SMEs ล้มให้กับประชาชนในระยะสั้น เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรีตอบ วิเคราะห์ปัญหาถูก วินิจฉัยโรคถูก แต่ทางออกยังมืดแปดด้าน และไม่เห็นเป็นรูปธรรมว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรโดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือรอนักลงทุนเข้ามาลงทุน 

 

หากงบไม่พอที่จะเอาไปใช้ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ หรือรัฐบาลอาจสร้างแรงจูงใจให้กับท้องถิ่นเอาเงินสะสมของตนเองมาใช้เป็นเงินลงทุนขนาดเล็กในชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในต่างจังหวัด และเศรษฐกิจจะกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะเงินสะสมเหล่านี้มีอยู่จริงไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หากรัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง ท้องถิ่นออกอีกครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้โดยไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตออกมา 

 

ศิริกัญญายังสอบถามถึงกรณีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่นายกฯ เป็นต้นคิดและสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งมาตรการนี้มีผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ประชาชนที่ไม่มีบ้านได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นของต่างชาติ และอาจจะต้องไปเช่าบ้านของต่างชาติด้วย แล้วสุดท้ายคนไทยได้อะไรจากมาตรการนี้ สัดส่วนที่เกิดผลต่อเศรษฐกิจคืออะไร

 

รัฐบาลพร้อมวิ่งสู้เพื่ออนาคต-แรงค้านที่ไร้อนาคต

 

ด้านเศรษฐาชี้แจงว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเรายังทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ ใช้นโยบาย ใช้การมุ่งมั่น ใช้การประสานงานก็ได้ ส่วนมาตรการขยายเวลาเช่า 99 ปี มันเป็นการเชื่อมต่อกับหลายอย่าง เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศที่อยากให้เพิ่มเวลาเช่าทรัพย์อิงสิทธิ 

 

เศรษฐากล่าวอีกว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องการขายชาติหรอกครับ เป็นการให้ศึกษาว่าเหมาะสมหรือเปล่า ขอฝากไว้ว่าต่อไปต้องมาดูกันว่า ถ้าเกิดทำแล้วจะส่งผลระยะยาวให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงขึ้นหรือไม่ 

 

“ขอยืนยันว่าต้องมีการศึกษาและตั้งใจให้ซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ ไม่ได้กดดันใครทั้งสิ้น รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของผม จะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุกพรรคในรัฐบาลเราก็จะช่วยวิ่งสู้ต่อไป เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า จะต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต” เศรษฐากล่าว

 

คำถามฝ่ายค้านแฟร์ พร้อมมาตอบถ้าว่าง

 

จากนั้นเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังตอบกระทู้ถามสดว่า ถ้าว่างตนก็จะมา ถ้าไม่ติดภารกิจด่วนอะไรก็มา ขอยืนยัน ส่วนตัวเคยมาตอบคำถามของฝ่ายค้าน ไม่เคยคิดที่จะเลือกที่รักมักที่ชัง หรือไม่คิดจะตอบคำถามของพรรคก้าวไกลแล้วไปตอบคำถามพรรคอื่น ไม่ใช่เช่นนั้นเลย ไม่ได้คำนึงถึงตรงนั้น

 

“ก็แฟร์ครับ เพราะเขาอยากรู้ แต่หลายๆ อย่างมันไม่มีคำตอบแค่ Yes หรือ No มันเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายให้ฟังว่ากำลังทำอะไรอยู่” 

 

เมื่อถามว่า 15 นาทีที่ตอบกระทู้คิดว่าประชาชนจะเข้าใจการทำงานของรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ก็หวังว่าประชาชนจะเข้าใจมากขึ้น และถ้ามีโอกาสจะชี้แจงเรื่อยๆ และตนจะมีทีมงานไปพบปะหลายๆ สื่อเพื่อทำความเข้าใจและขยายผลจากที่เราทำงานมา สำคัญที่สุดคือเหตุผลที่ทำคืออะไรมากกว่า

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising