วันนี้ (6 สิงหาคม) ในการประชุมวุฒิสภา วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบแล้ว โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง
สว. ตั้งแง่ทำไมไม่แจกเงินสด
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่าโครงการนี้หวังผลเลือกตั้งคราวหน้า เพราะหากนโยบายนี้ไม่สำเร็จ การเลือกตั้งคราวหน้าพรรคเพื่อไทยไปไม่รอดแน่นอน ฉะนั้นจึงไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะทำให้เจ๊งทั้งประเทศ พร้อมระบุว่าที่ประชาชนแห่มาลงทะเบียนเพราะกลัวเสียสิทธิ และยังคงมีความซับซ้อน ไม่แจกเป็นเงินสด พร้อมเชื่อว่าเม็ดเงินต่างๆ ก็จะยังคงไหลกลับไปที่นายทุนใหญ่
ด้าน พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย สว. ได้อภิปรายตั้งข้อสงสัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าเป็นการเพิ่มหนี้ให้กับประชาชนหรือไม่ และจากการลงพื้นที่ ประชาชนก็ยังสงสัยต่อการใช้เงินดิจิทัล และจะไปใช้จ่ายต่ออย่างไร ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสด
ขณะที่ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายว่าตนเองนับถือความมุ่งมั่นในการส่งมอบนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นข้อดีของพรรคเพื่อไทย แต่ตั้งคำถามถึงความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากได้มีการสร้างนโยบายนี้มาช่วงปลายปี 2565 ซึ่งโจทย์ทางเศรษฐกิจเป็นโจทย์เดียวกันกับตอนนี้หรือไม่
นอกจากนี้ เทวฤทธิ์ยังตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดพรรคร่วมรัฐบาลจึงแบกรับนโยบายของพรรคเดียว ทั้งที่พรรคอื่นก็มีนโยบายที่มีภาคประชาชนขับเคลื่อนมาเหมือนกัน ทำไมถึงไม่ทำตามสัญญาประชาคมเพื่อผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีสวัสดิภาพ
เสียงข้างน้อยเห็นต่าง เชื่อฟื้นเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม ประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว. ในฐานะผู้ประกอบการโรงแรม อภิปรายว่าตนเองเห็นต่าง และมองว่าร่าง พ.ร.บ. นี้มีคุณค่าและทรงพลังที่สุดในการฟื้นคืนชีวิตของประชาชน และขอวิงวอนให้สมาชิกทุกท่านได้โปรดต่อลมหายใจสุดท้ายให้กับประชาชน พร้อมยกตัวอย่างธุรกิจในต่างประเทศที่ไม่ได้ใช้เงินสด ซึ่งค่อยๆ เรียนรู้กันไป พวกเราไม่ควรดูถูกชาวบ้านว่าใช้ไม่เป็น แต่ต้องเรียนรู้ว่าสังคมจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ระหว่าง The Loser กับ The Winner ดิฉันขอเลือกเป็น The Winner เราต้องร่วมกันหาทางออกให้ประเทศว่าทำอย่างไรจะทำให้เศรษฐกิจตอนนี้ ซึ่งเข้าขั้น CPR ถึงจะรอด” ประทุมระบุ
จุลพันธ์ยืนยัน ‘ทางรัฐ’ ปลอดภัย
ทำให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาในประเด็นคำถามต่างๆ โดยยืนยันว่าการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และย้ำความจำเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน พร้อมชี้แจงว่าร้านหาบเร่แผงลอยก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ หรือร้านค้าที่ไม่ได้ลงทะเบียนระบบภาษีก็สามารถเข้าร่วมได้ แต่จะไม่สามารถเป็นผู้คืนเงินสดได้
พร้อมชี้แจงว่าโครงการมีกระบวนการตรวจสอบสิทธิของประชาชน และแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวเรื่องเงินฝากของประชาชน เพราะเมื่อประชาชนกดปุ่มเข้าร่วมโครงการ ระบบจะส่งคำถามไปยังหน่วยงานรัฐที่มีข้อมูลอยู่ เช่น กรมสรรพากร เพื่อเช็กว่ามีรายได้เกินกว่าเกณฑ์หรือไม่ และระบบจะส่งคำตอบกลับมาว่า YES หรือ NO เท่านั้น ยืนยันว่าระบบปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าสู่การอภิปราย ที่ประชุมได้มีความเห็นต่างเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นี้หรือไม่ เพราะสมาชิกบางส่วนมองว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาอีกจะทำให้เสียเวลา
ท้ายที่สุด ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบตามสมาชิกที่เสนอให้งดเว้นข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ให้สามารถใช้คณะกรรมาธิการเต็มสภาโดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญอีก ด้วยคะแนนเห็นชอบ 161 เสียง และไม่เห็นชอบ 71 เสียง
เมื่อสมาชิกอภิปรายกันพอสมควรแล้ว ประธานได้สั่งให้มีการลงมติ 3 วาระรวด โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ด้วยคะแนนเห็นชอบ 139 เสียง ไม่เห็นชอบ 38 เสียง และงดออกเสียง 18 เสียง