Didi ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถยักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศเตรียมถอนตัวเองออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก แล้วย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแทน
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Didi เข้าจดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้เพียง 6 เดือน โดยมูลค่าหุ้นของ Didi ร่วงอย่างรุนแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวว่าทางการจีนได้ร้องขอให้ผู้บริหารของบริษัทถอนตัวเองออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ จากความกังวลว่าข้อมูลของบริษัทซึ่งมีทั้งในส่วนที่เป็นเส้นทางคมนาคมทั่วประเทศจีนและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าชาวจีนอาจรั่วไหลจนกระทบต่อความมั่นคงได้
ทั้งนี้ ราคาหุ้นล่าสุดของ Didi ปรับลดลงมาอยู่ที่ 7.80 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลงถึง 44% นับจาก IPO ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
การถอนตัวเองออกจากตลาดนิวยอร์กของ Didi ยังส่งผลสะเทือนไปถึง Uber และ Softbank ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น Didi ในสัดส่วนรวมกันกว่า 30% ด้วย โดยในวานนี้ (3 ธันวาคม) หุ้นของ Softbank ในญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 2.5%
“รัฐบาลจีนแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้บริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนอยู่จดทะเบียนในตลาดหุ้นภายใต้การกำกับของสหรัฐฯ จากทิศทางดังกล่าวทำให้เรามองว่าบริษัทเทคโนโลยีจีนเกือบทั้งหมดจะออกจากตลาดสหรัฐฯ แล้วย้ายไปจดทะเบียนในฮ่องกงหรือจีนแผ่นดินใหญ่แทน” แอรอน คอสเตลโล หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคเอเชียของ Cambridge Associates กล่าว
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานข่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังมีแผนจะห้ามไม่ให้บริษัทจีนเข้าทำ IPO ในตลาดต่างประเทศผ่านการจัดตั้ง VIE (Variable Interest Entity) ซึ่งเป็นวิธีการที่บริษัทด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่ของจีนนิยมใช้ระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา
โดยเชื่อว่าการพยายามปิดช่องโหว่เรื่อง VIE ของจีนในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความกังวลในแง่ของความมั่นคง ที่จีนไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคในประเทศซึ่งมีความละเอียดอ่อนรั่วไหลไปอยู่มือของต่างชาติผ่านการทำ IPO ของบริษัทจีน อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ที่กำลังจะออกมา บริษัทจีนจะยังได้รับอนุญาตจากทางการให้เข้าทำ IPO ในตลาดฮ่องกงได้
อ้างอิง: