สถานการณ์โควิด-19 ที่ลากยาวมากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกไม่น้อย หลายธุรกิจบาดเจ็บล้มยาว แต่ก็ยังมีอีกหลายธุรกิจที่สามารถพยุงตัวจนเติบโตฝ่าวิกฤตมาได้ หนึ่งในนั้นคือ ‘ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ’
หากย้อนดูตัวเลขการเติบโตของมูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2563 เท่ากับ 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2562 ที่มีมูลค่า 4.05 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 6.68% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อเข้าปี 2564 แนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มูลค่าตลาดก็เติบโตขึ้นเป็น 4.01 ล้านล้านบาท
ข้อมูลข้างต้นยังสอดคล้องกับตัวเลข DHL Express ผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศระดับโลก เปิดเผยในรายงานผลการศึกษาที่ชื่อว่า ‘The Ultimate B2B E-commerce Guide: Tradition is out. Digital is in’ ที่ว่า ยอดขายในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2563 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) มีการเติบโตสูงถึง 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกว่า 65% เป็นชิปเมนต์แบบ B2C โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีคอนซูมเมอร์และแฟชั่นเครื่องแต่งกาย ตอกย้ำถึงการขยายตัวของธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ รวมถึงความต้องการบริการขนส่งระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ในรายงานยังคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจ B2B E-Commerce โดยระบุว่าภายในปี 2568 ราว 80% ของการซื้อขายแบบ B2B ระหว่างซัพพลายเออร์และลูกค้าองค์กรจะดำเนินการผ่านช่องทางดิจิทัล และคาดว่ายอดขาย B2B อีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 20.9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2570
การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ทำให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและธุรกิจ ตั้งแต่ความคุ้นเคยในการทำธุรกิจออนไลน์ ทำให้เชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ต้องนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะความคาดหวังเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่ง รวมถึงบริการเสริมที่สร้างความมั่นใจว่าสินค้าที่สั่งจะถึงมืออย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันการเติบโตทำให้เกิดผู้เล่นหน้าใหม่บนโลกออนไลน์มากขึ้น แม้แต่แบรนด์เก่าแก่ที่เคยมีแต่หน้าร้านก็หันมาเปิดร้านค้าออนไลน์ เรียกได้ว่าทุกธุรกิจให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์สะดวกยิ่งขึ้น
เมื่อโลจิสติกส์เป็นหมากสำคัญที่ช่วยให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเดินหน้าต่อได้ DHL Express ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศชั้นนำของโลก จึงนำโซลูชันที่มีอยู่ในมือ พร้อมทั้งพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อช่วยพาธุรกิจไทยคว้าโอกาสทองของอีคอมเมิร์ซและเติบโตในตลาดต่างประเทศในยุคหลังโควิด-19
-
MyDHL+ แพลตฟอร์มขนส่งออนไลน์ จะส่งออกหรือนำเข้า ทำรายการได้เองง่ายๆ
การทำตลาดออนไลน์อาจไม่ยุ่งยากเท่าการบริหารจัดการเรื่องการส่งสินค้าไปต่างประเทศ หรือนำเข้าสินค้าให้รวดเร็วทันกับความต้องการของลูกค้า DHL Express จึงออกแบบแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การส่งของไปต่างประเทศ จัดการทุกความยุ่งยากที่เคยเจอเมื่อทำบุ๊กกิ้งส่งของไปต่างประเทศได้อย่างง่ายดายบนเว็บไซต์ MyDHL+ ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน สามารถทำรายการนำเข้า ส่งออก เช็กสถานะแบบเรียลไทม์ ออกใบเสร็จ และนัดหมายเวลาเพื่อให้เจ้าหน้าที่คูเรียร์ของ DHL Express เข้ารับของถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Service)
ยิ่งไปกว่านั้น MyDHL+ ยังออกแบบให้คุณสามารถตรวจสอบชิปเมนต์อย่างง่ายดาย ตรวจสอบค่าใช้จ่าย ประมาณค่าอากร ภาษี และต้นทุนต่างๆ ของแต่ละชิปเมนต์ได้ก่อนการขนส่ง รวมไปถึงอัปเดตสถานะสินค้าให้ลูกค้าด้วยบริการแจ้งเตือนที่ส่งจากอีเมลของร้านหรือบริษัทคุณ สร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการ DHL Express หรือลูกค้าเก่าที่มีบัญชีสมาชิก ก็สามารถใช้งานทุกฟีเจอร์ได้ทันทีที่ Mydhl.express.dhl
-
DHL Express Commerce โซลูชันสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์หรือร้านใน E-Marketplace เป็นของตัวเอง
เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่แข่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยโซลูชันด้านการขนส่ง DHL Express Commerce หรือ DEC เพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีเว็บไซต์ของตัวเอง หรือมีร้านใน E-Marketplace ใดก็ได้ เช่น eBay, Amazon, WooCommerce, Etsy ฯลฯ โซลูชัน DEC จะเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณจากทุกแพลตฟอร์มเข้ากับระบบ DEC เพื่อรวมคำสั่งซื้อทั้งหมดไว้ในที่เดียว จึงช่วยลดเวลาในการทำรายการจัดส่งสินค้า และคำสั่งซื้อจากร้านค้าจะอัปเดตพร้อมแจ้งหมายเลข WayBill ให้กับผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ ช่วยให้การส่งของระหว่างประเทศสะดวกและง่ายกว่าที่เคย
-
On Demand Delivery โซลูชันที่จะช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำจากทั่วโลกให้กลับมาซื้อซ้ำ
ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในยุคที่การแข่งขันสูง นอกจากสินค้าที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ยังต้องมีบริการที่สร้างความประทับใจจนลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ DHL Express จึงออกแบบโซลูชันการขนส่งที่ดีที่สุดเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ให้ผู้ขายสร้างความประทับใจสูงสุดให้ลูกค้าทั่วโลก ด้วยการขนส่งข้ามประเทศที่รวดเร็วแบบ Express พร้อมออปชันการปรับเปลี่ยนการจัดส่งได้ตามความต้องการ ด้วยโซลูชัน ‘On Demand Delivery’ (ODD)
โซลูชันที่มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้รับสินค้าปลายทาง สามารถเปลี่ยนวัน-เวลาการจัดส่ง เปลี่ยนสถานที่จัดส่ง หรือเปลี่ยนไปส่งที่จุดบริการ DHL Express Service Point หรือล็อกเกอร์ใกล้บ้าน จัดส่งของโดยไม่ต้องเซ็นรับ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยระบบจะส่งข้อความพร้อมลิงก์ ODD ไปยังเบอร์มือถือและอีเมลของผู้รับล่วงหน้าก่อนการจัดส่งของในประเทศปลายทาง เพื่อให้ลูกค้าปรับตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลาย ครอบคลุมการใช้งานกว่า 166 ประเทศทั่วโลก
-
เสริมแกร่งขนส่งทางอากาศ เพิ่มเครื่องบินขนส่งพร้อมเปิดเส้นทางบินใหม่ในเอเชียแปซิฟิก
เมื่อปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังเกิดวิกฤตในช่วงปีแรก DHL Express จึงทุ่มงบด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มเครื่องบินขนส่งลำใหม่ และเปิดเส้นทางบินใหม่ในเอเชียแปซิฟิก เพื่อยกระดับความสามารถในการดำเนินงาน และเสริมประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777F แบบ Wide Body ทั้ง 6 ลำที่เพิ่มขึ้นมานั้น ช่วยให้ DHL Express เพิ่มเที่ยวบินระหว่างทวีปได้มากขึ้น 3,000 เที่ยวต่อปี รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายทางอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในเส้นทางบินตรง เส้นทางบินใหม่ (เช่น เวียงจันทน์ ย่างกุ้ง) และเส้นทางที่บินบ่อย (เช่น โอเชียเนีย) และภายในปีนี้ DHL Express ได้ขยายศูนย์บริการ ฮับ และเกตเวย์ในการดำเนินงานในตลาดที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเกาหลีใต้
ยิ่งไปกว่านั้น DHL Express ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นด้านโซลูชันที่แข็งแกร่ง แต่ยังมอบความไว้วางใจให้กับลูกค้าในฐานะผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศชั้นนำของโลก ผ่านภาพยนตร์โฆษณาตัวล่าสุดในชื่อ ‘ดูแลอย่างดีตลอดเส้นทาง’ ที่นำเสนอการดูแลเอาใจใส่พัสดุของลูกค้าอย่างดีตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงปลายทาง อัปเดตสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ พร้อมมืออาชีพการดำเนินพิธีศุลกากร และ Customer Service ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คุณจึงอุ่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นที่ส่งออกหรือนำเข้ากับ DHL Express จะได้รับการดูแลอย่างดีตลอดเส้นทาง จากมืออาชีพตัวจริง
จะเห็นได้ว่าโซลูชันด้านการขนส่งที่ DHL Express จัดเตรียมเอาไว้นั้นคิดมาแล้วอย่างรอบด้านและครอบคลุมธุรกิจอีคอมเมิร์ชทุกรูปแบบ ทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มให้ลูกค้าสามารถทำรายการนำเข้า ส่งออก และนัดหมายเวลาเพื่อให้เจ้าหน้าที่คูเรียร์ของ DHL Express เข้ารับของถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Service) หรือมอบความสะดวกให้กับธุรกิจที่มีหลากหลายช่องทางจัดจำหน่ายบนโลกออนไลน์ เชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณจากทุกแพลตฟอร์ม เพื่อรวมคำสั่งซื้อทั้งหมดไว้ในทีเดียว และโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณจากทุกที่ทั่วโลกสามารถปรับเปลี่ยนวัน เวลา สถานที่จัดส่งและจุดรับสินค้าด้วยตัวเองง่ายๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมไปถึงโซลูชันด้านการขนส่งทางอากาศ เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งในและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น
และนี่คือความมุ่งมั่นของ DHL Express ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศชั้นนำของโลก ที่พร้อมจะนำโซลูชันด้านการขนส่งที่ครบครันมาช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ และช่วยธุรกิจไทยคว้าโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19
อ้างอิง:
