วันนี้ (4 พฤษภาคม) สำนักสาธารณสุขเดนมาร์ก (DHA) ตัดสินใจยกเลิกการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของ Johnson & Johnson ในโครงการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ของประเทศ
“เมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันในเดนมาร์ก ความพยายามป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 และความเสี่ยงภาวะลิ่มเลือดอุดตันขั้นรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในผู้รับวัคซีน ต่างมีความสำคัญเท่ากัน” เฮเลเน พรอบสต์ รองอธิบดีของ DHA ระบุ
“นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก โดยเฉพาะนับตั้งแต่ยุติการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ก่อนหน้านี้”
การตัดสินใจของ DHA ซึ่งบ่งชี้ว่า ‘ความเสี่ยงของวัคซีนมีมากกว่าประโยชน์’ เกิดขึ้นหลังองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) สรุปความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างวัคซีนของ Johnson & Johnson กับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หายากแต่รุนแรง หรือภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติจากวัคซีนที่ส่งผลให้เกล็ดเลือดต่ำและเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด (VITT)
มติดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประชาชนอายุ 20-39 ปี ซึ่งตอนนี้เผชิญกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนนาน 4 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี DHA เผยว่าวัคซีนของ Johnson & Johnson อาจถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในภายหลัง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 เมษายน เดนมาร์กตัดสินใจยุติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ AstraZeneca ทั้งหมด โดยปัจจุบันเหลือเพียงวัคซีนของ Pfizer-BioNTech และของ Moderna ในโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ
อย่างไรก็ดีพลเมืองเดนมาร์กยังคงสามารถเลือกฉีดทั้งวัคซีนของ AstraZeneca และ Johnson & Johnson ได้โดยสมัครใจและไม่เสียค่าใช้จ่าย
เมื่อวานนี้ สำนักข่าว Ritzau ของเดนมาร์ก รายงานว่า รัฐสภาเดนมาร์กสนับสนุนการตัดสินใจยุติการใช้วัคซีนดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ขณะแผนการฉีดวัคซีนทางเลือกคาดว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้สถาบันเซรั่มแห่งเดนมาร์ก (SSI) ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 762 ราย และผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ในช่วง 24 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 253,673 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 2,490 ราย ขณะเดียวกันมีชาวเดนมาร์กได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส 1,367,495 คน คิดเป็นร้อยละ 23.4 ของประชากรทั้งหมด
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว