วันนี้ (26 มิถุนายน) ณ ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 50 ประจำปี 2563 เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี โดยมี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทูตานุทูต ผู้บริหารจากทุกส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพบก นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน
ในปีนี้ยาเสพติดให้โทษของกลางจากคลังเก็บรักษายาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่เผาทำลายมีจำนวน 25,301 กิโลกรัม จาก 2,751 คดี มูลค่า 55,941 ล้านบาท ประกอบด้วย
เมทแอมเฟตามีน แอมเฟตามีน (ยาบ้า) น้ำหนัก 18,303 กิโลกรัม (ประมาณ 203 ล้านเม็ด) มูลค่าประมาณ 40,674 ล้านบาท
เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) น้ำหนัก 5,878 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 12,932 ล้านบาท
เฮโรอีนน้ำหนัก 541 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 2,301 ล้านบาท และยังมี MDMA/MDA/MDE (ยาอี/ยาเลิฟ) น้ำหนักประมาณ 0.026 กิโลกรัม (107 เม็ด) ฝิ่นน้ำหนัก 9 กิโลกรัม โคคาอีนน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ยาเสพติดอื่นๆ น้ำหนักรวม 557 กิโลกรัม
นอกจากนี้กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมเผาวัตถุออกฤทธิ์ของกลางจำนวน 1,187 กิโลกรัม จาก 724 คดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จังหวัดปทุมธานี และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ร่วมเผาทำลายภาชนะ หีบห่อ และบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการใช้งานยาเสพติดรวม 15 กล่อง
ของกลางทั้งหมดจะถูกเผาทำลายด้วยวิธี Pyrolytic Incineration ที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุล กลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็ว ในปีนี้ได้กำหนดวันเผาทำลายยาเสพติดให้โทษ 3 วัน คือวันที่ 26 มิถุนายน 2563 จำนวน 8,466 กิโลกรัม วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 จำนวน 8,275 กิโลกรัม และวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 จำนวน 8,558 กิโลกรัม
สถิติการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางตั้งแต่ปี 2520-2563 รวม 50 ครั้ง มีน้ำหนักรวม 170,545 กิโลกรัม มูลค่า 273,331 ล้านบาท มากที่สุดได้แก่ เมทแอมเฟตามีน แอมเฟตามีน ฝิ่นและอื่นๆ เฮโรอีน และเอ็กซ์ตาซี ตามลำดับ
อนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่หลักในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ป้องกันไม่ให้กลับมาเสพซ้ำ ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 ตั้งเป้านำผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัด 210,982 คน แบ่งเป็นระบบสมัครใจ 113,382 คน บังคับบำบัด 56,600 คน ต้องโทษ 26,000 คน และระบบคุมความประพฤติ 15,000 คน
สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 15 มิถุนายน 2563 นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดแล้ว 128,520 คน คิดเป็นร้อยละ 60.92 จากระบบสมัครใจ 48,479 คน ระบบบังคับบำบัด 66,253 คน และระบบต้องโทษ 13,788 คน
ทั้งนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมให้คำปรึกษาและนำเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาที่ได้มาตรฐานสากล โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเลิกยาเสพติดได้ที่สายด่วน 1165 ตลอด 24 ชั่วโมง
