หลังจาก Samsonite แบรนด์กระเป๋าเดินทางสุดไอคอนิกที่ตอบโจทย์นักเดินทางทั่วโลก ทั้งไลฟ์สไตล์ ฟังก์ชัน ดีไซน์ คุณภาพ และความทนทานแบบไร้ที่ติ ประสบความสำเร็จจากการเปิดนิทรรศการ Destination Samsonite: Voyaging Through Time ที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ถึงคิวนักเดินทางชาวไทยได้ร่วมออกเดินทางสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์อายุกว่า 114 ปี ผ่านนิทรรศการในชื่อเดียวกัน ‘Destination Samsonite: Voyaging Through Time’ ซึ่งจัดงานเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ณ The House on Sathorn
โดยวันงานเปิดตัวนิทรรศการมีเหล่านักแสดง เซเลบริตี้ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ควงคู่มากับ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ รวมไปถึงศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น นิว ฐิติภูมิ, เดียร์น่า ฟลีโป, เจมมี่เจมส์, ปอย ตรีชฎา และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์อย่าง ว่านไฉ อาสาพาไปหลง, อาย กมลเนตร, Pakinball, Architasiri และ NutApiwich และท่านอื่นๆ อีกมากมาย ที่นอกจากจะมาร่วมแสดงความยินดีกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 114 ปีของแบรนด์ ยังได้ทดสอบความทนทานและความลื่นไหลกระเป๋าเดินทางรุ่นใหม่ล่าสุด EVOA Z และได้ยลโฉมกระเป๋าเดินทางรุ่นใหม่อย่าง รุ่น Attrix, SBL Major-Lite และ New Streamlite ก่อนใคร
น่าเสียดายที่นิทรรศการเปิดให้นักเดินทางชาวไทยที่เป็นแฟนแบรนด์เข้าชมเพียงวันเดียวเท่านั้น The Standard Pop เลยขอพาทัวร์นิทรรศการพร้อมภาพความประทับใจของเหล่านักแสดง เซเลบริตี้และอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้าร่วมงานเปิดตัวให้ได้ชมกัน
นิทรรศการถูกแบ่งออกเป็น 3 ห้อง เริ่มจากห้องแรก Legacy Hall ซึ่งเป็นไฮไลต์หลักของนิทรรศการ Destination Samsonite: Voyaging Through Time ถ่ายทอดและตอกย้ำความเป็น Samsonite ในรูปแบบ Interactive Heritage ภายใต้คอนเซปต์ Time Capsule พาทุกคนย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์กระเป๋าเดินทางสุดไอคอนิกตั้งแต่ยุค 1930 นำกระเป๋าเดินทางซึ่งเป็นไอคอนิกของยุคต่างๆ มาจัดแสดงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงจะมาแบบไม่ครบทุกรุ่น แต่ก็ทำให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งและขยายกรอบความเป็นไปได้ของการดีไซน์เดินทางเสมอ
ห้องถัดมา Samsonite ย่นย่อประวัติศาสตร์ 114 ปีของแบรนด์ผ่าน Timeline Interactive ได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ Samsonite ในปี 1910 ที่มี Jesse Shwayder (เจสส์ ชเวเดอร์) ผู้ก่อตั้ง Samsonite และเปิดบริษัทของตัวเองในชื่อ Shwayder Trunk Manufacturing Company โดยมีกระเป๋าไม้ทรงทรังก์ (Trunk) แต่งเติมดีเทลหมุดเล็กและชิ้นมุมเข้าไป สะท้อนความคงทนภายใต้ดีไซน์สุดสร้างสรรค์ กลายเป็นรากฐานสำคัญของแบรนด์จนถึงทุกวันนี้
การเดินทางของแบรนด์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้เห็นการพัฒนาและจุดเริ่มต้นของกระเป๋าเดินทางรุ่นไอคอนิกในแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารุ่น Streamlite ที่ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาในปี 1941 หรือในปี 1956 Samsonite เป็นแบรนด์แรกที่หันมาผลิตกระเป๋าจากวัสดุแมกนีเซียม จากนั้นไม่นานในปี 1958 ก็ได้เปิดตัวรุ่น Silhouette ภายใต้รูปโฉมแปลกใหม่และทันสมัย พร้อมจุดเด่นป้องกันการกระแทกและการสึกหรอของกระเป๋า
หลังตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น Samsonite ในปี 1965 แบรนด์ก็เริ่มขยายกรอบความเป็นไปได้ของการดีไซน์กระเป๋าเดินทาง และยังเป็นแบรนด์แรกๆ ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีกระเป๋าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรุ่น Saturn ที่ผลิตในปี 1969 เป็นรุ่นแรกที่มีการนำพลาสติกโพลีโพรพิลีนที่มีความทนทานมาฉีดขึ้นโครงรูป หรือในปี 1974 เปิดตัวรุ่น Silhouette กระเป๋าเดินทางรุ่นแรกที่มีล้อลาก และในปี 1986 กระเป๋ารุ่น Oyster ก็เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบตัวล็อก 3 จุด จนสามารถครองตำแหน่งกระเป๋าเดินทางที่สร้างยอดขายเร็วที่สุดในโลกทะลุ 140,000 ใบในปีแรก
และห้องที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของนิทรรศการในครั้งนี้คือ Modern Pavilion โดยภายในห้องจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับ Masterclass ของกระเป๋าเดินทาง Samsonite ไม่ว่าจะเป็นโซน Zero Gravity ที่โฟกัสเรื่องความเบาของกระเป๋าเดินทางรุ่น C-Lite ที่ผลิตจากวัสดุ CURV® จึงมีน้ำหนักเบาและทนต่อแรงกระแทก ขณะที่วัสดุภายในกระเป๋าผลิตด้วย RECYCLEX™ ซึ่งเป็นผ้าที่รีไซเคิลจากขวด PET ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โซนถัดมา Discover Durability วงล้อทดสอบความทนทานของกระเป๋ารุ่น Proxis ด้วยการหมุนวงล้อให้กระเป๋ากลิ้งอยู่ข้างใน โดยมีตัวเลขบอกจำนวนที่หมุนอยู่ด้านข้าง ทำให้เห็นถึงความทนทานแม้จะผ่านแรงกระแทกกว่าร้อยครั้ง และโซนสุดท้าย Abstract Terrains ให้ผู้เข้าชมได้ทดสอบความทนทานและความลื่นไหลของล้อกระเป๋าเดินทางรุ่นใหม่ล่าสุด EVOA Z ผ่านพื้นผิวที่หลากหลายรูปแบบเพื่อเปรียบเทียบ
EVOA Z เป็นกระเป๋าเดินทางรุ่นล่าสุดที่พัฒนามาจากรุ่น EVOA ที่วางขายไปเมื่อปี 2017 จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ Aero-Trac™ Whirl ระบบล้อกันสะเทือนที่ลากลื่นยิ่งขึ้น และลดเสียงดังขณะลากด้วยกลไกใหม่ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจน ภายใต้ดีไซน์ยังคงรักษา DNA ของแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งความมินิมัล ทันสมัย ขอบคิ้วกันกระแทกดีไซน์ให้ทำองศากับตัวกระเป๋า ผิววัสดุเป็นแบบ Brushed หรือผิววัสดุแบบปลอกกระสุนปืนจึงช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
วัสดุบุด้านในกระเป๋าและซิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี RECYCLEX™ Material ของ Samsonite วัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% จากขวดพลาสติก PET เคลือบผิวด้วย Anti-Microbial ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ถึง 99.9%
คันชักด้านหลังกระเป๋ายังดีไซน์ขอเกี่ยวสัมภาระสำหรับแขวนถุงช้อปปิ้งหรือกระเป๋าใบเล็ก มาพร้อมระบบล็อก TSA แบบ 3 หลัก ซิปกันเจาะพร้อมหัวซิปแม่เหล็กเพิ่มความปลอดภัย
แอบลุ้นให้ Samsonite จัดนิทรรศการดีๆ แบบนี้อีก เพราะเชื่อว่านักเดินทางที่เคยสัมผัสกับคุณภาพของกระเป๋าเดินทางแบรนด์นี้ต้องสนุกไปกับการได้เห็นวิวัฒนาการของแบรนด์อย่างแน่นอน
แต่ถึงคุณจะพลาดมาชมนิทรรศการครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่คุณจะไม่พลาดการเดินทางร่วมกันไปกับแบรนด์อย่างแน่นอน เพราะถ้าคุณคือนักเดินทางตัวจริง กระเป๋าของ Samsonite จะเป็นเหมือนพาร์ตเนอร์คนสำคัญ ที่จะร่วมเดินทางไปกับคุณได้ทุกที่ ทำให้ทุกการเดินทางของคุณอุ่นใจ สามารถตอบโจทย์นักเดินทางทุกรูปแบบจนคุณอยากพากระเป๋าเดินทางรุ่นต่างๆ เหล่านี้ออกเดินทางไปค้นหาความหมายของคำว่า ‘Destination’ กับคุณแน่นอน