×

รมช.กลาโหม ชี้สงครามยุคใหม่ไม่ได้สู้แค่ทหาร แต่สู้ด้วยข่าวสาร-เศรษฐกิจ แจงดราม่าทหารกินมาม่าคือเกียรติภูมิ ปกป้องอธิปไตยสำคัญกว่า

โดย THE STANDARD TEAM
30.09.2025
  • LOADING...
สงครามยุคใหม่ กลาโหม

วันนี้ (30 กันยายน) พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนรับฟังการอภิปรายของสมาชิกโดยความตั้งใจ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนและปัญหาที่นํามาเสนอเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง ซึ่งตรงกับที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าประชาชนต้องมาก่อน 

 

พล.ท. อดุลย์เปิดเผยว่าตนเองจบการศึกษาและรับราชการอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่จบ รวมถึงเป็นผู้บังคับหน่วยและตลอดแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งขณะเป็นผู้กองกําลังทหารพรานได้นํากําลังเข้าปะทะกับกัมพูชา ในปี 2554 ด้วยตัวเอง ฉะนั้นทราบดีว่าปัญหาชายแดนกัมพูชามีบริบทอย่างไร และมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนที่ตนเคยเจอมากมาย เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนขณะนี้เกินกว่าที่กําลังทหารด้านความมั่นคงหน่วยเดียว จะแก้ไขปัญหาได้ตามลําพัง ยังคงมีมิติอื่นที่จะต้องมาพูดคุยกันแก้ปัญหา ให้เป็นมิติเดียวกัน 

 

ด้านมิติการทูต หรือด้านการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ไปพูดที่เวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (UNGA) เป็นข้อเท็จจริงที่เราต้องพูดและเป็นการพูดเชิงรุกที่เราต้องทํา ซึ่งถือว่าทําได้อย่างยอดเยี่ยมและต้องทําอย่างต่อเนื่อง 

 

ส่วนมิติข้อมูลข่าวสาร เป็นเรื่องสําคัญมากเนื่องจากเป็นยุคของโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เข้ามา ซึ่งประเทศคู่ขัดแย้งของเราใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นโฆษณาชวนเชื่อ บ่อนทําลายบิดเบือนข้อมูลสร้างสถานการณ์ยั่วยุ เพื่อนําสถานการณ์ต่างๆไปใช้ในเวทีโลก ซึ่งหากเชื่อและทําตามที่เขาบอก กําหนดให้คิด หรือยืนเคียงข้างโดยที่ไม่รู้ตัว นั่นถือเป็นการทําลายชาติของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางกัมพูชาต้องการให้เป็น

 

พล.ท. อดุลย์ ยังระบุถึงการที่ทหารกินมาม่าปลากระป๋องระหว่างปฏิบัติหน้าที่ว่าถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในช่วงที่สถานการณ์มีการเผชิญหน้ากัน เป็นสิ่งที่ตนผ่านมาเพราะไม่มีใครสามารถนําเสบียงไปส่ง ซึ่งความภาคภูมิใจไม่ได้อยู่ที่การกินอาหารดีๆ แต่อยู่ที่การปกป้องอธิปไตยของชาติ การรับใช้ชาติ ไม่มีใครไปเรียกร้องอาหารดีๆในช่วงสถานการณ์แบบนั้น 

 

ด้านมิติเศรษฐกิจ เรากดดันประเทศคู่ขัดแย้งด้วยการปิดด่านชายแดน ซึ่งเป็นบ่อนการพนันทุกบ่อนในพื้นที่ ทั้งจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสระแก้ว บ่อนเหล่านี้ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ยังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับหน่วยทหารในพื้นที่ เชื่อว่าหากไม่มีบ่อนอีกไม่นานการส่งบํารุงจะหมด เงินไม่มีซื้อกระสุน น้ำมัน อาหารการกินอยู่ลำบาก อย่างไรก็ตาม การปิดด่านส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่ค้าขายบริเวณชายแดนส่งสินค้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ช่วยกันได้ คนไทย 70 กว่าล้านคน จะต้องช่วยกันซื้อ

 

ปัจจุบันสงครามไม่ใช่สงครามแบบเดิม แต่เป็นสงคราม รูปผสมแบบใหม่ ผสมผสานกันระหว่างกำลังทหาร และที่ไม่ใช่กำลังทหาร ที่เรียกว่า Hybrid warfare เช่น การเดินสายบิดเบือนข้อเท็จจริง ยั่วยุไม่ทำตามข้อตกลง การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา, การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา และการเจรจาในทุกระดับ รวมถึงไปเล่นบทเหยื่อในเวทีโลก

 

“ผมเข้าใจในความอึดอัดของพี่น้องประชาชน มึงทำไมไม่ตายกันสักที ท่านใจเย็น เพราะความอดทนมีขีดจำกัด อยู่แล้ว เราคงไม่ต้องมารบกันในที่นี้ แต่การรบกันไม่ใช่เรื่องยาก อาชีพทหารไม่เหมือนอาชีพนักธุรกิจ ถ้าเป็นธุรกิจ ขาดทุนกำไรปีหน้าเริ่มใหม่ พวกผมทหาร แนะนำให้คืออธิปไตยของชาติ ตาย บาดเจ็บ ลูกเมียอยู่ลำบาก นี่เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ ขอให้ความเชื่อมั่นว่ากองทัพจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด แผ่นดินไทยต้องเป็นของไทย เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

 

พล.ท. อดุลย์ยังกล่าวอีกว่า อยากขอกำลังใจฝากไปถึงทหารที่อยู่ชายแดนหากเห็นคลิปอย่าบอกว่า ทำไมไม่ดูแลลูกน้อง ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจ และยืนยันว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising