×

เดโมแครต vs. รีพับลิกัน ชัยชนะของแคนดิเดตพรรคใดส่งผลบวกต่อทองคำ?

04.09.2024
  • LOADING...
เดโมแครต vs. รีพับลิกัน

หลังจากที่พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาไปในบทความครั้งก่อน ในครั้งนี้เรายังคงพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีความชัดเจนมากขึ้น โดยหลังการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ Fed (FOMC) รอบเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ชี้ถึงการสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ Fed ในการประชุมครั้งถัดไป (เดือนกันยายน) หากข้อมูลเศรษฐกิจยังออกมาตามที่ประเมินไว้ อีกทั้งจากการแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ณ การประชุม Jackson Hole นั้นได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ได้มาถึงแล้ว นักลงทุนจึงเทน้ำหนักให้กับแนวโน้มที่ Fed จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายนนี้

 

ความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นของประเด็นดังกล่าวกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ โดยค่าเงินดอลลาร์มีช่วงการปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 13 เดือน หนุนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระดับสูง นอกจากนั้นแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed รวมถึงธนาคารกลางชั้นนำแห่งอื่น นับว่าเป็นการเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำ

 

อย่างไรก็ดี นอกจากประเด็นอัตราดอกเบี้ยของ Fed แล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่าสหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน หรือช่วงปลายปีนี้ โดยคาดว่าภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed แล้ว นักลงทุนอาจหันมาตอบสนองต่อเหตุการณ์การเลือกตั้งของสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เดโมแครตได้ประกาศในเดือนสิงหาคม โดยแต่งตั้งให้ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน เป็นแคนดิเดตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ภายหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

 

ความสำคัญของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งคือสามารถขับเคลื่อนพฤติกรรมของนักลงทุนได้ สะท้อนผ่านในช่วงก่อนการถอนตัวของไบเดน ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนความนิยมเพิ่มสูงขึ้น และเริ่มนำห่างจากไบเดน นักลงทุนได้ตอบสนองเชิงบวกต่อความเป็นไปได้ที่ทรัมป์อาจกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น หรือสินทรัพย์อย่าง Bitcoin ที่ได้ปรับตัวขึ้นต่อความเป็นไปได้ดังกล่าวเช่นกัน เนื่องด้วยมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากนโยบายหาเสียงของทรัมป์

 

อนึ่ง สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำกับเหตุการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เช่นกัน โดยจากการประเมินข้อมูลตั้งแต่ปี 1972-2022 ชี้ว่า ช่วง 6 เดือนก่อนและหลังการเลือกตั้ง ราคาทองคำมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนต่ำกว่า เมื่อเทียบผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนของทองคำในระยะยาว แต่เมื่อพิจารณาพร้อมผลการเลือกตั้งร่วมด้วย พบว่า ช่วง 6 เดือนก่อนแคนดิเดตพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะการเลือกตั้ง ทองคำมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนก่อนแคนดิเดตพรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะ ในทางตรงกันข้าม ช่วง 6 เดือนหลังเลือกตั้ง ทองคำมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า หากแคนดิเดตพรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะ

 

 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนได้เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เนื่องด้วยผลที่ได้จากความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนของทองคำและเหตุการณ์การเลือกตั้งที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นนับว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ หรืออาจกล่าวได้ว่า ไม่สามารถใช้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำมาพยากรณ์ผลการเลือกตั้ง หรือใช้ผลการเลือกตั้งมาพยากรณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล อันเนื่องด้วยจำนวนข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมีไม่มากพอ

 

ขณะที่ข้อมูลอีกส่วนในการศึกษาเดียวกันพบว่า ภายใต้รัฐบาลพรรคเดโมแครต ความต้องการซื้อทองคำแท่งและเหรียญทองคำของร้านค้าทองคำในสหรัฐฯ นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับภายใต้รัฐบาลพรรครีพับลิกัน โดยในช่วงเดือนที่มีการเลือกตั้ง ความต้องการซื้อดังกล่าวโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.64 หมื่นออนซ์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งที่แคนดิเดตพรรคเดโมแครตคว้าชนะ สูงกว่าระดับ 7.10 หมื่นออนซ์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งที่แคนดิเดตพรรครีพับลิกันคว้าชนะ แนวโน้มดังกล่าวยังดำเนินต่อไปหลังจากนั้น

 

โดยระยะ 12 เดือนหลังการเลือกตั้งครั้งที่พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะ ความต้องการซื้อทองคำแท่งและเหรียญทองคำของร้านค้าทองคำในสหรัฐฯ เฉลี่ยที่ราว 7.90 หมื่นออนซ์ต่อเดือน สูงกว่าระดับเฉลี่ย 3.25 หมื่นออนซ์ต่อเดือน หลังการเลือกตั้งครั้งที่พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะ อย่างไรก็ดี ความต้องการซื้อดังกล่าวไม่อาจสะท้อนถึงทิศทางราคาทองคำได้เท่าไรนัก เนื่องด้วยข้อมูลดังกล่าวไม่ได้รวมการลงทุนในสัญญาณซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ (Gold ETF)

 

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเพียงพรรคใดคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอาจไม่สามารถอธิบายการตอบสนองของนักลงทุนได้ดีมากนัก เนื่องด้วยการตอบสนองดังกล่าวมีแนวโน้มขึ้นอยู่กับแนวทางนโยบายภายใต้แคนดิเดตของแต่ละพรรคในช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้นแนะนำให้ติดตามนโยบายหาเสียงของแฮร์ริสและทรัมป์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในช่วงการเลือกตั้งปลายปีนี้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising