ดร.แอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาว แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน) โดยกล่าวถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์ B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย ว่ากำลังเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความพยายามของสหรัฐฯ ในการกำจัดเชื้อโควิด-19
ดร.เฟาชีระบุถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในสหรัฐฯ คิดเป็นมากกว่า 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระดับเกือบ 10% เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ขณะที่เขาชี้ว่า รูปแบบการระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในสหรัฐฯ นั้นมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งคล้ายกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟาที่พบครั้งแรกในอังกฤษ แต่อัตราการติดเชื้อของสายพันธุ์เดลตานั้นพบว่าสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟาถึง 60%
“เช่นเดียวกับสถานการณ์ในสหราชอาณาจักร ปัจจุบันสายพันธุ์เดลตากำลังเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความพยายามของเราในการกำจัดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ” ดร.เฟาชีกล่าว และเสริมว่ายังมีข่าวดีที่วัคซีนในสหรัฐฯ นั้นมีประสิทธิภาพมากพอในการต้านทานเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
“ข้อสรุปคือ เรามีเครื่องมือ ดังนั้นมาใช้มันและทำลายการแพร่ระบาดกันเถอะ” เขากล่าว
คำเตือนของ ดร.เฟาชี มีขึ้นหลัง ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดหรือ CDC ของสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเธอคาดการณ์ว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ รัฐบาลอินเดียได้ประกาศให้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาพลัส ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์เดลตา เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หลังพบการระบาดของไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วใน 4 รัฐ ได้แก่ รัฐมัธยประเทศ มหาราษฏระ เกรละ และกรณาฏกะ โดยพบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 31 ราย
ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: