วันนี้ (3 เมษายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ต่อกรณีที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายเรื่องกระบวนการยุติธรรมและการพักโทษว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เป็นกฎหมายที่ไม่ได้ออกโดยรัฐบาลชุดเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ มีอำนาจในพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากได้เขียนเรื่องการบริหารโทษ แทบจะไม่มีดุลยพินิจของทั้งสามส่วนเลย
สำหรับกรณีของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเรียนว่าทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนที่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ การบริหารประเทศในช่วงนั้นคือช่วงรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อนุญาตให้ทักษิณสามารถเข้ารักษาตัวได้ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 เพียง 1 วันหลังจากเดินทางกลับประเทศ เมื่อเป็นการกระทำในรัฐบาลชุดของจุรินทร์ก็จะใช้คำพูดอีกแบบหนึ่ง แต่พอเข้าถึงการบริหารในยุคของเศรษฐาก็มาใช้คำพูดกล่าวหาว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม
“วันนี้เมื่อยอมรับหลักยุติธรรมที่กฎหมายอยู่เหนือบุคคล ตามมาตรา 53 ที่รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในอดีตที่ผ่านมาหลักความยุติธรรมไม่เคยบรรจุอยู่ในพจนานุกรม และหลังรัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ที่บัญญัติไว้ให้ทุกคนต้องอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหมายถึงกฎหมายเป็นใหญ่
“ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ มาตรา 55 ได้บัญญัติไว้ว่าให้ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ซึ่งตามหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมาย ไม่มีส่วนใดที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจในเรื่องนี้เลย เป็นการใช้ความเห็นของแพทย์พิจารณา
“ในกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ดำเนินการตามกฎหมายและกฎกระทรวงในยุคที่จุรินทร์นั่งเป็น ครม. และให้ความเห็นชอบตามมติโดยไม่คัดค้าน วันนี้ทำให้สังคมสับสนว่าคนถูกไปควบคุมไปอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เรือนจำ” พ.ต.อ. ทวี ย้ำ