วันนี้ (25 เมษายน) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมประชุมกับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ของกระทรวงสาธารณสุจ ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวง เป็นประธาน ได้ข้อสังเกตหลายประการ ดังนี้
1. ฝ่ายบริหารทุกคนทำงานหนักมาก ทำงานโดยไม่มีวันหยุด มีคณะทำงานหลายชุดเพื่อกลั่นกรองเรื่องส่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ทั้งที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ประชุมตั้งแต่เวลา 07.30 น. เสร็จแล้วประชุมร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่ออีก ทราบว่าบางคณะทำงานถึงกว่าเที่ยงคืนเพื่อรวบรวมข้อมูลส่งให้คณะชุดเล็กที่จะประชุมตั้งแต่เวลา 06.00 น. เพื่อส่งต่อให้ EOC ชุดนี้
2. ผู้เข้าร่วมประชุมมีจำนวนมาก ครบทุกหน่วยงาน หลายหน่วยรวมทั้งจังหวัด ใช้วิธีประชุมออนไลน์
3. สถานการณ์ทุกด้านเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จึงต้องประชุมวันต่อวัน ตัดยอดเที่ยงคืน ข้อมูลสถิติรู้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. แต่ไม่อยากให้เปิดเผย เพราะต้องการให้นิ่งและมีการรับรองก่อน
4. ประเด็นปัญหาทุกประเด็นล้วนถูกยกขึ้นมาประชุมและเสนอแนะในที่ประชุมทั้งสิ้น ปัญหาที่ไม่ได้รับผิดชอบ หรือข้อเสนอสำหรับหน่วยงานอื่นจะถูกรวบรวมนำเสนอหน่วยเหนือและ ศบค. ต่อไป
5. ยังคงมอบความรับผิดชอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ยกระดับมาตรการให้เข้มขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีน
6. เชื่อว่าควบคุมการระบาดในภูมิภาคได้ แต่ยังมีความกังวลในเขตกรุงเทพมหานคร ที่โครงสร้างมีปัญหาในการแบ่งเป็นโรงพยาบาลของกรมการแพทย์ โรงพยาบาลของกระทรวงอุดมศึกาษา โรงพยาบาลของกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะกรุงเทพมหาครที่มีปัญหาในการสั่งการหรือขอความร่วมมือจาก สธ. ทั้งที่แบ่งผู้ป่วยสีเขียวให้กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ สีเหลือง แดง ให้กรมการแพทย์ดูแลไปแล้ว แต่มีปัญหาในการส่งต่อ ซึ่งล่าสุดจากเสียงวิจารณ์ว่าผู้ป่วยโควิด-19 เข้านอนในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ไม่ได้ ทั้งที่ยังมีเตียงว่าง
เมื่อวานนี้มีประชุมเคลียร์ปัญหา มีผู้ป่วยรอเตียง 1,980 ราย แบ่งให้ผู้รับผิดชอบต่างๆ ไปทั้งภาครัฐและเอกชน วันนี้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินจะดำเนินการจัดส่งผู้ติดเชื้อทั้งหมดเหล่านั้น ปัญหาคงทุเลาลง คำถามคือ ทำไมจึงเกิดการคั่งค้าง รอเตียงจำนวนมากมายเช่นนั้น เพราะจะตามมาด้วยเสียงบ่นต่อว่ารัฐบาล
7. ปัญหา Home Isolation (กักตัวที่บ้าน) เป็นสิ่งที่ต้องชัดเจน เช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในชุมชน แม้รัฐต้องการกักตัวเพื่อความปลอดภัยของผู้อื่น ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมไป แม้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แต่ก็ต้องอาศัยตำรวจช่วยอยู่ดี
8. เชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดีย เป็นสิ่งที่คนทั้งโลกกลัวคนอินเดีย ลามไปถึงปากีสถานและบังกลาเทศ หลายประเทศสั่งห้ามสายการบินหรือคนอินเดียเข้าประเทศ ข้อเสนอคืออาจต้องกักตัวนานกว่า 14 วัน หรือห้ามเข้าเมืองในระยะนี้ แต่คงจะยาก เพราะผู้ติดเชื้ออาจมาจากประเทศอื่นแต่เป็นสายพันธุ์อินเดีย
9. ปัญหาที่กรมควบคุมโรคพยายามควบคุมการระบาดคือ แบ่งเป็นคลัสเตอร์ต่างๆ ขณะนี้ที่กำลังวิตกคือภาคใต้ ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และภาคเหนือคือ เรือนจำกลางเชียงใหม่
10. ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยรุนแรงกลับมีอายุน้อยลง วันนี้เสียชีวิต 11 ราย จำนวนสูงสุดตั้งแต่โรคมีการระบาด ผู้ป่วยอยู่ระหว่างใส่ท่อช่วยหายใจ 131 ราย บ่งชี้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะยังสูงอยู่จากความรุนแรงของเชื้อกลายพันธุ์
ที่น่าสนใจคือน้ำหนักของผู้เสียชีวิตวันนี้ 5 ราย มีน้ำหนัก 170 กิโลกรัม, 122 กิโลกรัม, 140 กิโลกรัม, 110 กิโลกรัม และ117 กิโลกรัม ล้วนเกิน 100 กิโลกรัมทั้งสิ้น
ส่วนรายอื่นมักมีโรคร่วม ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต ซึ่งทุกคนทราบดี แต่ผู้ที่มีน้ำหนักมาก มีโรคประจำตัว จะต้องระวังตัวเองให้มากกว่าคนธรรมดา
มีข้อเสนอน่าสนใจให้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนที่น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม
“ขอบคุณผู้บริหาร สธ. ทุกคนที่ทำงานหนักสู้กับโควิด-19 แทนคนไทยทั้งประเทศครับ” นพ.เจตน์ กล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
