Death to 2020 คือภาพยนตร์สารคดีสรุปเรื่องราวแห่งปี 2020 ที่ความเศร้าปกคลุมไปทั่วโลก แต่ ชาร์ลี บรูกเกอร์ และแอนนาเบล โจนส์ จากทีมผู้สร้าง Black Mirror เลือกตีความออกมาในแบบ Satire Movie ที่แม้ดูแล้วจะสะท้อนใจกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะออกมาได้กับความช่างคิดช่างหาทำของสารคดีเรื่องนี้
ช่วงปลายปี 2020 ไล่มาจนถึงต้นปี 2021 เป็นรอยต่อที่เราจะได้อ่านบทสรุปประจำปีของเพื่อนๆ หรือสำนักข่าวต่างๆ เต็มหน้านิวส์ฟีด สำหรับคนเบื้องหลังอย่าง ชาร์ลี บรูกเกอร์ และแอนนาเบล โจนส์ พวกเขาเล่ามันออกมาผ่านภาพยนตร์สารคดีความยาว 70 นาทีที่ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่ในวิธีคิดงานสร้างกับมุกล้อเลียนที่ใส่ไว้นั้นมันเจ็บแสบจนต้องแค่นหัวเราะให้กับชะตากรรมของตัวเองรวมถึงอีกหลายร้อยล้านคนบนโลก ที่สุดท้ายก็เดินทางผ่านปี 2020 มาได้
Death to 2020 ใช้ภาพเหตุการณ์จริงตัดสลับกับการเล่าเรื่องผ่านบุคคลมีชื่อเสียงแห่งปีที่มีนักแสดงแถวหน้ามารับบทได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็น ฮิวจ์ แกรนต์ ที่ทำให้เราทึ่งกับการทรานส์ฟอร์มเป็น เทนนีสัน ฟอสส์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ผมขาวโพลน, เทรซีย์ อูลแมน กับการรับบทเป็นควีนเอลิซาเบธจากมุมมองหอคอยงาช้างท่ามกลางโลกที่กำลังร้อนรุ่ม, ลิซ่า คูโดรว์ กับบท เจเน็ตตา เกรซ ซูซาน โฆษกทำเนียบขาวอย่างไม่เป็นทางการกับซีนพลิกลิ้นสุดแสบ, ซามูเอล แอล. แจ็คสัน กับบทนักข่าวของ New Yorkerly News รวมถึง โจ คีรี จาก Stranger Things กับบท ดุ๊ก กูลีส์ ยูทูเบอร์หน้าใหม่ช่วงโควิด-19
เหล่านักแสดงเล่าถึงเหตุการณ์ผ่านมุมมองอาชีพที่ได้รับบท เช่น บทสรุปของโควิด-19 ที่ทำให้ทั้งโลกหยุดชะงักและต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย รวมถึงข่าวการมาถึงของวัคซีน, ประเด็นการเคลื่อนไหว Black Lives Matter เพื่อความเท่าเทียมของมนุษย์ทุกสีผิว, Brexit รวมถึงการลาออกจากฐานันดรของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน มาร์เคิล, ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่เสียดสี โดนัลด์ ทรัมป์, โจ ไบเดน รวมถึงโฆษกทำเนียบขาวได้อย่างเจ็บแสบ
ยังมีการย้อนกลับมาเสียดสี Netflix เจ้าของแพลตฟอร์มที่สารคดีพิเศษเรื่องนี้ออกอากาศ ด้วยมุกที่ว่าต้องใช้เวลากวาดตาเลือกภาพยนตร์มากกว่าเวลาที่ใช้ดู หรือเตือนให้เรานึกถึงสารคดี Tiger King ที่ดังไวไปไวแห่งปี
Death to 2020 เป็นสารคดีพิเศษที่ดูสนุก แต่ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะเป็นแนวตลกเสียดสีที่ใครดูแล้วไม่เก็ตก็คงไปต่อยาก ส่วนแฟนๆ แนวนี้น่าจะชอบ แม้ว่าจะต้องหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เพราะเรื่องจริงของโลกปี 2020 มันเจ็บปวดที่สุดเท่าที่เราเคยมีชีวิตผ่านกันมา
ปัญหาอีกเรื่องที่สารคดีพิเศษเรื่องนี้มีอยู่คือการเทน้ำหนักของเหตุการณ์มากกว่า 80% ไปที่สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในประเทศต้นทางของผู้สร้าง แต่การใช้ชื่อ Death to 2020 ผู้ชมผ่านทางแพลตฟอร์ม Netflix ทั่วโลกก็หวังจะได้เห็นบทสรุปบนโลกใบนี้ เอาให้เคลียร์ แนะนำว่าปีหน้าใช้ชื่อ Death to 2020 in America น่าจะดีกว่า
ภาพ: Keith Bernstein / Netflix
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
