สันติชัย สารถวัลย์แพศย์ โฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้ข้อมูลว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเฝ้าระวังและจับตากรณีการรวมธุรกิจของบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินไทยแอร์เอเชีย (AAV) ที่จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ Nok ว่าเป็นการรวมธุรกิจภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้นเพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ พ.ศ. 2561 หรือไม่
หากพิจารณากฎหมายจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 หากการรวมธุรกิจที่จะเกิดขึ้นระหว่างแอร์เอเชียและนกแอร์ ซึ่งเป็นการรวมธุรกิจในตลาดสินค้าหรือบริการเดียวกัน หากโครงสร้างตลาดหลังรวมธุรกิจทำให้แอร์เอเชียมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 50% และมียอดขายตั้งแต่ 1 พันล้านบาทขึ้นไป จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งกรณีนี้ ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และต้องได้รับการอนุญาตก่อนการรวมธุรกิจ จึงจะสามารถดำเนินการรวมธุรกิจต่อไปได้
กรณีที่ 2 หากการรวมธุรกิจโดยแอร์เอเชียเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มจุฬางกูรในสัดส่วนที่มากกว่า 25% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนกแอร์ เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือการจัดการ แต่ไม่เป็นการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด ก็อาจจะเข้าข่ายการรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถแจ้งผลการรวมธุรกิจให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าทราบ ภายใน 7 วัน หลังรวมธุรกิจเรียบร้อยแล้วได้
สำหรับบทลงโทษกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกรณีผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ ขณะที่โทษของการรวมธุรกิจที่อาจส่งผลลดการแข่งขัน มีโทษปรับในอัตราไม่เกิน 2 แสนบาท และปรับรายวัน ในอัตราไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อวัน ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามกฎหมายอยู่ หากตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางการค้า จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจังและเคร่งครัด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์