วันนี้ (10 พฤศจิกายน) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับแจ้งข่าวการบริจาควัคซีน Moderna จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ผ่านหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีหลักการว่า วัคซีนที่บริจาคให้รัฐบาลไทยต้องอยู่ภายใต้สัญญารัฐต่อรัฐ คือ จะเป็นการลงนามในสัญญาระหว่าง US Department of Health and Human Services กับกรมควบคุมโรค อีกทั้งต้องมีการลงนามสัญญากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนด้วย โดยมีสาระสำคัญ คือ ห้ามนำวัคซีนบริจาคไปแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ต้องไม่มีการนำไปจำหน่ายต่อ
นอกจากนี้ ถ้าหากวัคซีนบริจาคก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้รับวัคซีน ภาครัฐจะต้องให้การดูแลรักษาโดยไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ รวมถึงการชดเชยเยียวยาตามระเบียบที่กำหนด
“การบริจาควัคซีนจากประเทศใดให้กับอีกประเทศหนึ่ง ไม่ดำเนินการผ่านเอกชน เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งยังไม่สามารถกำกับติดตามและรับผิดชอบผลกระทบได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากลเกี่ยวกับวัคซีนบริจาคที่หน่วยงานสาธารณสุขประเทศต่างๆ ทั่วโลกยึดถือปฏิบัติ นับตั้งแต่เริ่มมีวัคซีนโควิด การรับวัคซีนบริจาคจึงเป็นภารกิจของหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการปกป้องสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายโดยตรง” นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้รับวัคซีนบริจาคจากต่างประเทศแล้วเกือบ 10 ล้านโดส จาก 8 ประเทศ โดยกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานนำเข้าวัคซีนในกรณีเร่งด่วน และเป็นการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปช่วยเจรจากับรัฐบาลประเทศต่างๆ จึงมีรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของแต่ละประเทศ เช่น การขออนุญาตส่งออก ทำข้อตกลงกับบริษัทขนส่ง พิธีการศุลกากร ให้ครบถ้วนก่อนมาถึงประเทศไทย โดยไม่มีการดำเนินงานผ่านองค์กรเอกชนในประเทศผู้บริจาควัคซีนแต่อย่างใด