วันนี้ (14 กันยายน) ดนุพร ปุณณกันต์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกระบวนการขั้นตอนการทำประชามติเพื่อเปิดทางการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลายฝ่ายมีข้อกังวล ที่มีการวินิจฉัยเพิ่มเติมถึงที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ว่าไม่สามารถมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง
ดนุพรระบุว่า แม้คำวินิจฉัยดังกล่าวจะไม่ใช่ประเด็นที่อยู่ในคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแต่คำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลผูกพันทุกองค์กร พรรคเพื่อไทยน้อมรับคำตัดสินของศาล โดยพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมหมวด 15/1 ขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยจะเสนอแนวทางการตั้ง สสร. หรือกรรมาธิการที่มีความเกี่ยวข้องและสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางพรรคได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเตรียมศึกษาและวางแผนในการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภา
“พรรคเพื่อไทยจะทำให้เร็วที่สุดเพราะเราทราบกันดีถึงข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ว่าจะแก้ภายใน 4 เดือน ซึ่งเราจะพยายามเสนอต่อรัฐสภาให้เร็วที่สุด” ดนุพรกล่าว
ดนุพรยังกล่าวว่า หลายฝ่ายยังกังวลถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามติจะทันกรอบเวลา MOA ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยหรือไม่เนื่องจากในทางปฏิบัติ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อเพิ่มเติมหมวด 15/1 จะต้องผ่านการพิจารณาร่วมกันของรัฐสภาทั้งสามวาระ และต้องผ่านความเห็นชอบของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และให้ประชาชนออกเสียงประชามติอีกครั้งว่าเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมฉบับนี้ด้วยหรือไม่ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าในระยะเวลา 4 เดือนที่ตกลงกันไว้จะทำได้หรือไม่
ดนุพรชี้ว่า เมื่อมีคำถามแบบนี้เข้ามาในสังคมก็ต้องถามคำถามนี้ย้อนกลับไปทางพรรคประชาชนว่า ยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญและประชาชนนั้นจะได้ออกเสียงประชามติได้ทันในระยะเวลา 4 เดือน ตามที่พวกท่านได้กำหนดเอาไว้เอง และสถานะ MOA ทั้ง 5 ข้อที่ได้จัดทำร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นจริงได้กี่ข้อ แม้จะประกาศว่าขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยไม่ขอร่วมรัฐบาลนั้น เริ่มมีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าท่านเป็นฝ่ายค้านจริงหรือไม่
“สัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคประชาชนเป็นพรรคหลักที่จะคอยรักษาองค์ประชุมแทนพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดทางไปสู่การทำประชามติให้เป็นจริงได้มากที่สุด พรรคประชาชนควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการเดินเข้าไปพูดคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และฝากท่านอนุทินไปคุยกับ สว. ที่หลายคนเรียกว่าสว. สีน้ำเงิน ว่า สว. ของท่านเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่” ดนุพรกล่าว
▪️ว่าที่ ครม. ภูมิใจไทย บางคนมีคดีเกี่ยวพัน พรรคประชาชนต้องรับผิดชอบ
ดนุพรกล่าวด้วยว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยตาม MOA ที่จะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน แต่ขณะนี้รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่พรรคประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะล้มเลิกนโยบายที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่สังเกตได้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าโครงการเมกกะโปรเจคต์ต่างๆ ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่าจะอยู่ 4 เดือน และยุบสภาจริงหรือไม่
หากดูในรายชื่อบุคคลที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีก็ยังสร้างความกังวลให้กับสังคมเป็นส่วนมากโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอดีตข้าราชการที่เติบโตมาในจังหวัดบุรีรัมย์ มีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในเรื่องการฮั้ว สว. เรื่องนี้พรรคประชาชนจะส่งสัญญาณอย่างไร
นอกจากนี้ มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะนั่งเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยเอง มีอำนาจควบคุมกรมที่ดินจะเข้าไปดูแลกระทรวงคมนาคมที่กำกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในเรื่องที่ดินเขากระโดง จะดำเนินต่อไปอย่างไร
“ในฐานะพรรคประชาชนที่ท่านเป็นคนรับดีลพรรคภูมิใจไทยที่จัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ท่านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในช่วงการเตรียมรายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯ ผมก็ฝากไปถึงพรรคประชาชน หากรายชื่อท่านใดที่ท่านไม่สบายใจ ที่ท่านเคยตรวจสอบ ผมเรียนว่าท่านควรส่งสัญญาณไปยังพรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจนว่า ท่านสบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านไหน ท่านเคยเรียกร้องกับพวกเรามาทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน วันนี้พรรคเพื่อไทยก็เรียกร้องไปยังท่านให้เป็นฝ่ายค้าน แต่ท่านเป็นฝ่ายค้านที่ร่วมตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้” ดนุพรกล่าว