แดงเติบโตมาในพื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งยาเสพติดขนาดใหญ่ของประเทศ
แดงคือลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน การที่ครอบครัวมีสมาชิกจำนวนมาก ปัญหาปากท้องและโอกาสในการศึกษาเป็นเรื่องปกติในสังคมชนชั้นล่างถึงชนชั้นกลาง ครอบครัวต้องการกำลังหลักในการหารายได้
ในฐานะพี่ชายของน้องๆ ประถมศึกษาปีที่ 6 คือจุดสิ้นสุดชีวิตนักเรียนของแดง
แดงเริ่มทำงานด้วยอาชีพรับจ้างทั่วไปอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย อะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้เขาต้องถูกตำรวจจับ แบบหลายๆ คนในสังคมหรือชุมชนที่เขาอยู่ ถึงแม้จะเป็นภาพชินตาก็ตาม
ในวัย 14 ปี สังคมของแดงกว้างขึ้นกว่าตอนเป็นเด็กชายแดง ความต้องการการยอมรับในกลุ่มเพื่อนมีอิทธิพลมากพอที่ทำให้แดงเริ่มใช้ยาเสพติด ไม่ได้ใช้เพราะอยากใช้ แต่ใช้เพราะมันทำให้ทุกคนเห็นเราเป็นพวกเดียวกัน แดงหัวเราะระหว่างเล่าให้ฟัง
“ผมไม่ฉีดนะ ผมกลัวเข็ม ผมกลัวติดแล้วลงแดง เห็นคนลงแดงแล้วสงสาร ไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ก็ดูดๆ ไปแบบนั้น ให้คนอื่นรู้ว่าเราก็ดูด จะได้อยู่กับคนอื่นได้ เขาจะได้ไม่ระแวงว่าเราเป็นสายหรือมองว่าเรารังเกียจคนเล่นยา”
ด้วยความห้าว ความคึกคะนอง ฮอร์โมนจากวัยรุ่นของแดง หลายอย่างแดงทำลงไปเพราะความสนุก แม้รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิด ไม่นานแดงถูกตำรวจจับ
“คดีแรกในชีวิตคือวิ่งราวทรัพย์ โชคดีที่อายุเรายังน้อยเลยเข้าไปอยู่ในคุกเด็ก เข้าไปก็เจอเพื่อน เจอพี่ เจอคนแถวบ้าน การใช้ชีวิตในพื้นที่ควบคุมโดยมีคนคอยช่วยเหลือและแนะนำผ่านไปได้ไม่ยากเย็น อยู่ข้างนอกเราก็ลำบาก ข้างในก็ลำบากไม่ต่างกัน เราอยู่บ้านจะนอนตื่นตอนไหนก็ได้ อยู่ในนั้นจะกินจะนอนต้องถูกควบคุมตลอดเวลา ถามว่าสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไหม ตอนนั้นคิดได้แค่ว่าออกไปจะทำอะไร ถ้าทำต้องทำอย่างไรถึงไม่โดนจับเข้ามาอีก”
หลังจากพ้นโทษ บ้านไม่ใช่ที่แรกที่เป็นจุดหมาย แดงเลือกที่จะไปหาเพื่อนที่ได้รับการปล่อยตัวมาก่อนในตอนที่เคยต้องโทษด้วยกัน โลกเปลี่ยนไปมากแค่เวลาไม่กี่ปี
ที่สำคัญแดงอายที่จะเจอหน้าครอบครัว
ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย กลายมาส่วนหนึ่งในชีวิต ยิ่งเคยติดคุกมาก่อน การยอมรับในกลุ่มเพื่อนหรือสังคมที่เป็นอยู่เหมือนเป็นเกียรติยศ พูดอะไรใครก็ฟัง ทุกคนให้ความเคารพนับถือ เริ่มมีเด็กเดินตาม ค่าใช้จ่ายเริ่มเยอะเพราะต้องดูแลคนหลายคน จากเคยทำเล็กๆ ก็ทำใหญ่ขึ้น สุดท้ายก็โดนจับ ศาลตัดสินมา 4 ปี แดงถูกส่งตัวเข้าเรือนจำอีกครั้ง ต่างจากครั้งแรกที่เป็นสถานดัดสันดาน แต่ครั้งนี้คือคุกผู้ใหญ่
“ไม่ต่างจากครั้งแรกก็ตรงที่เข้าไปก็เจอเพื่อน เจอคนรู้จัก แต่เราก็ต้องปรับตัวนะ ไม่สบายเหมือนอยู่ข้างนอก จะกินจะนอนจะเข้าห้องน้ำมันติดขัดไปหมด สงสารคนที่ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีใครเลยที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทุกคนมีเหลี่ยมมีเชิงกันหมด คนอ่อนต่อโลกเข้ามาในนี้ ถ้าไม่ถูกรังแกจากขาใหญ่ก็ต้องไปเป็นเหมือนเด็กรับใช้ บางคนทนไม่ไหวแขวนตัวเองก็มี”
ในยุคนั้นสารพัดวิชาโจรถูกถ่ายทอดกันตอนอยู่ข้างใน การเอาตัวรอดไปในทุกวันมีเล่ห์เหลี่ยมให้เราต้องเรียนรู้ บ้านคือสิ่งเดียวที่คิดถึง
“พ่อ แม่ หรือคนในครอบครัว ไม่มีใครมาเยี่ยมเพราะไม่น่าจะมีใครรู้ว่าเราติดคุก เราสั่งทุกคนที่ออกไปว่าห้ามบอกเด็ดขาด ชีวิตอยู่ไปวันๆ รอการปล่อยตัว ตื่นเช้าปล่อยขัง ลงมาแย่งกันอาบน้ำ แย่งกันกินข้าว เข้ากองงาน รอฟังประกาศคนได้รับการปล่อยตัว วนๆ อยู่แบบนี้ทุกวัน บางคนออกไปไม่ถึงเดือนก็กลับเข้ามาใหม่ จนเป็นเรื่องปกติ”
หนนี้บ้านคือที่แรกที่แดงเลือกเดินทางไปหลังจากพ้นโทษ บ้านไม่เคยเปลี่ยนไปเลย มันยังคงทำหน้าที่ปกป้องคนที่อยู่ในบ้านให้ปลอดภัยจากแสงแดดและลมฝน มันอบอุ่นหัวใจเสมอเวลาเห็นหน้าคนในครอบครัว
“ถามว่าตอนนั้นคิดได้ไหมว่าจะไม่ทำผิดอีก ไม่เลย คิดแค่ว่าโชคชะตาเราเป็นแบบนี้ เราก็ต้องสู้ในแบบของเรา ไม่เคยโทษสังคมหรือโทษอะไรเลยทั้งนั้น เราไม่เข้าใจหรอกทำไมคนรวยๆ หรือคนที่มีโอกาสดีๆ ในชีวิต เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร เช่นกันเขาก็คงไม่เข้าใจเรา ปัญหาต่างกัน วิถีชีวิตต่างกัน เขาอาจจะทุกข์ที่อาหารมื้อต่อไปไม่รู้จะกินอะไรดี แต่เราทุกข์ตรงที่มื้อต่อไปจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกินดี
“บ้านเกือบทุกหลังในชุมชนขายยาหมด ถ้าเราไม่ขายบ้านเดียวก็ดูแปลกๆ เราเห็นความเป็นอยู่ของบ้านคนอื่นดีขึ้น เราก็อยากได้อยากมีแบบคนอื่นไม่ต่างกัน ไม่นานแดงกลับมาทำยา ถูกจับ ถูกปล่อยตัว ก็กลับมาทำเหมือนเดิมอยู่อีกหลายครั้ง”
ครั้งสุดท้ายแดงถูกตัดสินจำคุกเกือบ 10 ปี แต่ไม่ใช่เวลานานมากพอที่จะทำให้แดงคิดได้
“ถ้าคุกดีจริงผู้ต้องหาคงไม่ล้นคุกหรอก คุกคืนคนดีสู่สังคม แล้วทำไมคนที่ออกจากคุกมาไม่นานก็กลับเข้าไปใหม่ ติดนานๆ ติดบ่อยๆ แบบผม พอปรับตัวได้ก็อยู่ข้างในไปวันๆ เพื่อรอการปล่อยตัว พอปล่อยตัวออกมา ทำมาหากินอะไรไม่ได้ ไปสมัครงานที่ไหนใครจะรับ เขาตรวจสอบประวัติเรา เห็นว่าเราเคยต้องโทษ เขาก็กลัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงโอกาส พูดถึงข้าวเม็ดเดียวก็พอ พ้นโทษออกมาจะไปขอใครได้ สุดท้ายก็ต้องเลือกเดินเส้นทางเดิม”
บ้านของแดงยังอยู่ที่เดิม ครอบครัวและพี่น้องของแดงก็ยังอยู่ที่เดิม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่มีแดงอยู่ตรงนั้น
หลังจากพ้นโทษครั้งนี้แดงเลือกที่จะไม่กลับบ้านอีก กลัวคนที่อยู่ที่บ้านจะไม่มีความสุขหากแดงกลับไปใช้ชีวิตด้วย
“เขาอยู่โดยไม่มีผมมาเป็นสิบๆ ปี ลูกหลานก็โตมีลูกมีครอบครัวกันหมด บางคนไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ วันหนึ่งมีคนไม่รู้จักแล้วเพิ่งออกจากคุกมาอยู่ด้วย ทุกคนจะปรับตัวกันอย่างไร มันน่าจะอึดอัดมากกว่ามีความสุขนะผมว่า”
แดงใช้ชีวิตเป็นชายไร้บ้าน อาภรณ์บนร่างกายที่เห็นจนชินตาคือกางเกงนักมวยสีแดงเพียงตัวเดียว ถ้าอากาศไม่หนาวจริงๆ แดงไม่เคยใส่เสื้อ
ด้วยลักษณะภายนอก หลายคนอาจตัดสินใจมองแดงเป็นคนที่เคยต้องโทษมาอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะรอยสักบนร่างกาย
แดงเปิดร้านแบกะดิน ขายของที่หลายๆ คนไม่ได้ใช้และนำมาให้เขา
สำหรับคนในพื้นที่แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อแดง ชายร่างเล็กที่มากไปด้วยน้ำใจ แดงช่วยเหลือทุกคนเท่าที่เขาจะช่วยได้แม้ไม่เคยเอ่ยปาก การเคารพและการให้เกียรติจากคนขายของกลางคืนด้วยกัน หรือแม้แต่เจ้าของกิจการในละแวกนั้นไม่ต้องกลัวของหาย ไม่ต้องกลัวขโมยขึ้นบ้าน แดงคอยเป็นหูเป็นตาให้ตลอด
“ไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องมีโทรศัพท์ ไม่ต้องรู้ข่าวสารบ้านเมืองให้เป็นทุกข์ใจ มีข้าวให้กินเวลาหิว มีร่มให้นั่งหลบเวลาแดดร้อนก็พอแล้ว ไม่ต้องแคร์ด้วยว่าใครจะมองเราอย่างไร มีเพื่อนเยอะแยะไม่ต้องเหงา”
ทุกเช้า กลางวัน และเย็น แดงจะพาเจ้าหมี สุนัขบางแก้วคู่ใจออกวิ่ง เจ้าหมีเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตแดง
สิ่งเดียวที่แดงกังวล กลัวเวลาเจ้าหมีไม่สบายจะไม่มีคนพามันไปหาหมอ กลัววันที่แดงไม่อยู่จะไม่มีใครดูแล
“กินนอนกับมันมาเป็น 10 ปี รักเหมือนลูกคนหนึ่ง ถ้าไม่มีเจ้าหมีป่านนี้ผมคงกลับไปขายยา กลับไปติดคุกเหมือนเดิมแล้วมั้ง สมัยก่อนเราตื่นมาเจอตำรวจมารอจับ ตื่นมาเจอเพื่อนผู้ต้องขัง ชีวิตมัไม่มีความสุขเลย ตอนนี้ตื่นมาเจอไอ้หมีอยู่ข้างๆ มันมองเราด้วยสายตาที่เรารู้สึกว่ารักเรา ซื่อสัตย์กับเรา มันเตือนสติผมให้ใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ไม่ให้กลับไปเดินเส้นทางที่ผิดอีก ถ้าผมติดคุกอีกจะดูแลไอ้หมี มันจะอยู่อย่างไร ไอ้หมีสอนให้ผมรู้จักความรัก ความซื่อสัตย์ ภายนอกมันอาจดูน่ากลัวไม่เป็นมิตร แต่พอได้รู้จักจริงๆ ก็กลายเป็นที่ไว้วางใจ ชาวบ้านแถวนี้ก็คงรู้สึกกับผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับไอ้หมี ผมไม่เคยรู้สึกว่าถูกรังเกียจหรือเป็นส่วนเกินในพื้นที่ตรงนี้ ก็มีบ้างที่คนเดินผ่านไปผ่านมาเขามองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมก็เข้าใจเขานะ แต่ไม่ได้ทำให้ผมทุกข์หรือรู้สึกอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วผมกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมทำได้แค่อยู่กับมันอย่างไรให้มีความสุขในทุกๆ วันก็พอ”
แดงตอบบทสนทนาตอนท้ายว่า ชีวิตผมที่ผ่านมาคงเอาไปเป็นบทเรียนสอนใครไม่ได้หรอก เพราะชีวิตของคนแต่ละคนต่างกัน จะให้ไปบอกกันว่าอย่าทำผิดกฎหมายนะ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมายหรืออยากติดคุกหรอก ทุกคนอยากรวย อยากสบาย อยากมีอนาคตที่ดีกันทั้งนั้น แต่จะมีกี่คนที่เลือกกำหนดชีวิตตัวเองได้