“การปกป้องผลประโยชน์ของชาติจากนี้ไปจำเป็นต้องตระหนักรู้และตื่นตัว ร่วมผนึกกำลังด้านไซเบอร์ไปด้วยกัน”
พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวานนี้
รายละเอียดสำคัญนอกจากการประกาศว่าต้องมีการ ‘ผนึกกำลังด้านไซเบอร์’ ยังมีการระบุจากโฆษกกระทรวงกลาโหมอีกว่า ที่ผ่านมาตลอด 3 ปีได้มีการขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพด้านไซเบอร์มาตลอดเพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ (ด้านความมั่นคง) และยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม โดยได้จัดทำแผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม (ปี 2560-2564) และกำหนดให้ไซเบอร์เป็นมิติหนึ่งของสงครามที่ต้องจัดเตรียมกำลังและใช้กำลังเช่นเดียวกับมิติของการสงครามอื่นๆ
ปัจจุบันได้จัดตั้ง ‘ศูนย์ไซเบอร์กระทรวงกลาโหม’ และ ‘หน่วยไซเบอร์ระดับปฏิบัติการของแต่ละเหล่าทัพ’ โดยอยู่ระหว่างการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการปฏิบัติทั้งด้านนโยบายและแผน ด้านกำลังพล ด้านการปฏิบัติการ ด้านเทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีให้พร้อมในการปฏิบัติ ขณะเดียวกันก็ได้ให้ความสำคัญกับการผนึกกำลังด้านไซเบอร์
โดยระยะแรกนี้ได้เน้นขีดความสามารถเชิงรับ เช่น ด้านการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานและด้านการเฝ้าระวัง ซึ่งแต่ละเหล่าทัพได้จัดตั้งโรงเรียนและเปิดสอนผู้ปฏิบัติงานไซเบอร์ระดับต่างๆ ควบคู่กับการฝึกปฏิบัติการ สำหรับการผนึกกำลังด้านไซเบอร์ ได้กำหนดเป้าหมายให้มีกำลังพลสำรองไซเบอร์ พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและผนึกกำลังกับหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น การฝึกไซเบอร์ในการฝึกร่วมผสมทางทหารภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ที่ผ่านมา
การปฏิรูปกองทัพด้านไซเบอร์จะเป็นส่วนสำคัญให้กองทัพมีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการรับมือกับการโจมตีและการคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่การทำสงครามไซเบอร์ได้ในอนาคต ซึ่งหากขาดการผนึกกำลังด้านไซเบอร์ร่วมกันโดยกองทัพไม่เตรียมความพร้อม และภาคประชาชนไม่ตระหนักรู้และตื่นตัวในทิศทางเดียวกัน สงครามไซเบอร์จะกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติอย่างใหญ่หลวง
อ้างอิง:
- โฆษกกระทรวงกลาโหม / Facebook