ตาตี่ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และบทเพลงอารมณ์ดี
คือเอกลักษณ์คุ้นตาที่ลอยขึ้นมาเสมอ เมื่อพูดถึง แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าภายใต้ดวงตาเล็กๆ เขาซ่อนแววตาแห่งความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเอาไว้ในทุกๆ การกระทำ โดยเฉพาะความท้าทายครั้งล่าสุดกับการทำอัลบั้มเพลงสากลครั้งแรกในชีวิต!
ในเรื่องดนตรีและเนื้อเพลง เขายังทุ่มเทเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการเทกคอร์สออกเสียงภาษาอังกฤษที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อให้เสียงร้องที่ออกมามีคุณภาพ และสำเนียงใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลมากที่สุด
ในวันที่เพลง The Devil ผลงานลำดับที่ 2 ในอัลบั้ม STAMP STH ส่งต่อมาถึงแฟนเพลง THE STANDARD ชวนเขาพูดคุยถึงความลำบากทั้งหมดที่ต้องเผชิญในระหว่างการทำอัลบั้มเพลงสากล แสตมป์ยังคงเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยมุกตลกและเสียงหัวเราะเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้แน่ๆ คือ ในความตลกเหล่านั้นมีความตั้งใจจริงของเขาอัดแน่นอยู่
ก่อนพูดถึงอัลบั้มเพลงสากล อยากรู้ว่าสมัยเรียน เด็กชายแสตมป์เรียนภาษาอังกฤษเก่งขนาดไหน
เก่งครับ แต่ไม่ใช่เพราะถนัดวิชานี้นะครับ แต่เป็นเพราะผมโง่วิชาอื่นมาก (หัวเราะ) พวกวิชาเลขก็ได้เกรด 2 แต่ภาษาอังกฤษจะได้ประมาณ 3-4 ตลอด ก็ถือว่าเป็นวิชาที่ชอบเรียน เพราะว่าผมชอบดูซีรีส์ฝรั่ง ชอบฟังเพลงต่างประเทศ ก็เลยพอรู้อะไรมากเกินกว่าที่โรงเรียนสอน
แต่ด้วยระบบการศึกษาไทยก็จะสอนแค่ไวยากรณ์กับให้ท่องคำศัพท์ จำเทนส์ กริยา 3 ช่อง การพูดจะได้น้อยมาก เรื่องสำเนียงการออกเสียงแทบจะเป็นศูนย์ เวลาพูดก็จะได้แค่ เฮลโล่ ฮาวอาร์ยู แค่นั้นเลย สำเนียงจะไทยมากๆ แล้วก็เรียนอยู่แค่นั้นมาตลอด
คุณเป็นโรคกลัวชาวต่างชาติไหม
เคยมีช่วงที่กลัว ผมว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่แทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ช่วงแรกๆ ที่ไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วเจอทีมงานต่างชาติ โดยเฉพาะที่ไม่ใช่สำเนียงอเมริกันนี่หนักเลย พูดก็ไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่ตอนหลังผมรู้เทคนิค คือพูดไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ต้องมั่นใจ เสียงดังไว้ก่อน สมมติไปสั่งอาหาร ถ้าเราพูดเบาๆ What, What, What เขาก็จะงง แล้วเขาก็จะ What, What, What กลับมา แต่ถ้าเรากลั้นใจไปเลย This one, This one, This one พอเรามั่นใจ เขาก็มั่นใจ แล้วก็เอามาให้เราเลย แล้วถ้าได้ผิดก็ช่างมัน ไม่ต้องไปบอกเขาด้วยนะว่าผิด ได้อะไรมาเราก็กินไปแบบนั้น อย่างน้อยก็ไม่อาย (หัวเราะ)
ความคิดที่ว่าจะต้องเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไร
จริงๆ ผมอยากทำเพลงภาษาอังกฤษตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว ตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกเสร็จ (Million Ways to Write Part I, พ.ศ. 2551) จุดสำคัญคือผมมีความฝันอยากทำงานกับคนต่างประเทศ อยากทำงานกับศิลปินต่างประเทศมาตลอด ก็เลยเริ่มฝึกตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ยังไม่ได้ไปเทกคอร์สที่ไหน แค่ซื้อหนังสือมาอ่านเอง ดูหนัง ดูซีรีส์เยอะขึ้น ผมชอบฝึกภาษาอังกฤษมากเลยนะ เพราะมันคือข้ออ้างที่ทำให้ผมดูซีรีส์ได้เยอะ (หัวเราะ) สามารถบอกคนอื่นหรือบอกตัวเองได้ว่ากำลังฝึกอยู่ ทำให้รู้สึกผิดน้อยลง แต่ตอนนั้นพอไม่มีเวลามากพอแล้วก็ไม่ได้คิดทำจริงจังมาก โปรเจกต์นั้นก็เลยเลิกไป
มีเรื่องไหนแนะนำสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษแบบแสตมป์บ้างไหม
ถ้าจะฝึกให้ได้ผลจริงๆ สำหรับผมคือการดูคลิป TED Talks ถ้าเป็นพวกหนัง หรือซีรีส์มันก็จะเหมือนอย่างที่บอก คือดูสนุกๆ ด้วย แล้วเอาการฝึกมาเป็นข้ออ้าง (หัวเราะ) แต่ TED Talks นี่เพลินมาก นอกจากได้ภาษาแล้วเราจะได้คอนเทนต์ที่ดีจากคนที่มาพูดแต่ละคนด้วย แล้วพอเรารู้ว่าคอนเทนต์ดี เราก็จะตั้งใจฟัง อยากฟังให้รู้เรื่องมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
ผ่านไป 7 ปี ความคิดนี้ก็กลับมาอีกครั้ง แล้วคราวนี้ก็ลงมือทำจริงๆ
ปีที่แล้วอยู่ๆ ก็คิดว่าอยากทำ จำไม่ได้แล้วว่าทำไม แต่กูต้องทำให้ได้ ไปบอกทุกคนว่าจะทำหมดเลย เอาเพลงที่แต่งไว้ไปลองเข้าห้องอัดดู แต่อัดมาแล้วสำเนียงไม่ได้เลย ทุเรศมาก (หัวเราะ) เลยคิดว่าต้องไปเทกคอร์สเรียนจริงๆ ก็ได้เพื่อนของมาเรียม (มาเรียม เกรย์ อัลคาลาลี) ชื่อคุณกิลเบิร์ต แบ็บติสต์ เป็นเชฟชาวอเมริกันที่ชอบเรื่องภาษา เขาจะเปิดคอร์สสอนตัวต่อตัว ผมก็ไปเรียนกับเขา 2 เดือน อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง
เรียนเรื่องการออกเสียงอย่างเดียว
ใช่ครับ เหมือนไปฝึกพูด ก.ไก่ ข.ไข่ ใหม่เลย แค่ตัว V ตัว R ที่ผมก็เรียกว่า ‘วี’ กับ ‘อาร์’ ตรงๆ มาตลอดก็พูดไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) ยิ่งพอรวมเป็นคำก็ยิ่งไปกันใหญ่ แค่คำว่า head ผมก็ ‘เฮ้ด’ ใส่ไป ก็ต้องเปลี่ยนเป็น ‘เฮ้ด(ดึ)’ man ก็ต้องเป็น ‘แมน(หนึ)’ อะไรไม่รู้เต็มไปหมด
แล้วเขาจะมีแบบฝึกหัดออกเสียงมาให้ฝึกลิ้น เหมือนเวลาเราท่อง ‘ทหารถือปืนแบกปูนไปโบกตึก’ ช่วงนั้นก็แทบไม่ทำอะไรเลย ออกเสียงตามทั้งวัน ขยับปาก ขยับหน้าไปเรื่อยๆ นั่งฝึกอยู่ในห้องประชุม คนเขาก็งงว่าไอ้นี่มันทำบ้าอะไร (หัวเราะ)
เหนื่อยมากเลยนะครับกับวันๆ หนึ่งที่ต้องอยู่กับมันเนี่ย เครียดแล้วก็จริงจังมาก พูดได้ว่าจริงจังที่สุดในชีวิตแล้ว ฝึกแต่งเพลง ร้องเพลง กีตาร์ยังไม่เคยจริงจังมากขนาดนี้เลย ถ้าให้คะแนนความพยายาม อัลบั้มนี้ผมให้ 11 เต็ม 10 เลยนะ เพลงจะได้เท่าไรไม่รู้แหละ ให้คนฟังเป็นคนตัดสิน แต่เฉพาะเรื่องความพยายาม มันคือที่สุดแล้วจริงๆ
พอเรียนเสร็จแล้วได้ผลทุกอย่างตามที่ต้องการเลยไหม
ก็ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะมากแล้วนะ สำหรับคนที่แทบไม่เป็นอะไรเลยแบบผม แล้วก็ต้องมีคนมาช่วยผมเยอะมาก นอกจากคุณกิลเบิร์ตที่ช่วยเรื่องออกเสียง มาเรียมก็มาช่วยเรื่องการร้อง เพราะการออกเสียง เวลาพูดกับร้องก็คนละอย่างกัน บางคำหรือบางประโยคผมไม่สามารถร้องได้ทั้งหมด มาเรียมก็จะมาช่วยหาวิธีโกงให้ มาช่วยดีไซน์ว่าให้ร้องเร็วๆ หลบๆ หรือให้นึกเป็นเสียงอื่นที่ไม่ใช่คำนั้น แต่ใกล้เคียงและออกเสียงได้ง่ายกว่าไปเลย
แต่พอเข้าห้องอัดจริงๆ มันก็ยังไม่ได้อีก อันนี้ต้องยกเครดิตให้ปกป้อง (ปกป้อง จิตดี สมาชิกวง Gym and Swim) ที่มาช่วยเรื่องอัด ผมเคยถึงขนาดร้องคำว่า head ไม่ได้ ไอ้ ‘เฮ้ด(ดึ)’ นี่แหละ มาแต่คำว่า ‘เฮ้ด’ ตรง ‘ดึ’ มันยังไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ยังไม่เพราะ ยังไม่เหมือนสำเนียงจริงๆ ปกป้องก็ต้องเอาคำว่า ‘เฮ้ด’ ไปตัดรวมกับเสียง ‘ดึ’ ที่อื่น แล้วมันมีที่ต้องทำพวกนี้เต็มไปหมดเลย ปกติเวลาอัดเพลง เต็มที่ก็แค่อัดประโยคหรือคำแยกแล้วเอามาต่อกัน แต่อันนี้คือตัดต่อแบบตัวอักษรต่อตัวอักษร เสียงต่อเสียงไปเลย (หัวเราะ)
แต่ฟีดแบ็กจากเพลงแรกที่ออกมาอย่าง Don’t You Go ก็ถือว่าดีเหมือนกัน
มีคนมาบอกเหมือนกันว่าสำเนียงโอเคแล้วนะ เออ มันก็ต้องโอเคอยู่แล้วล่ะ โกงมาขนาดนี้ (หัวเราะ)
ให้เห็นภาพชัดขึ้นไปอีกนิด ช่วยเล่าภาพตอนอัดเพลง The Devil ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้ฟังหน่อยได้ไหม
เพลงนี้แต่งเสร็จเป็นเพลงแรก แต่ว่าเอามาอัดเป็นเพลงสุดท้าย เพราะว่ายากที่สุด เอาง่ายๆ แค่ประโยคแรก ‘Does every devil look like you.’ ก็เจ๊งแล้ว
คำแรก does ผมก็อ่านว่า ‘ด๊าส’ แต่มาเรียมออกเสียงให้ฟังว่า ‘เดิ๊ส’ ผมก็ ‘เดิ๊ส’ ตาม แต่มาเรียมบอกว่าไม่ใช่ มันต้องเป็นคำตรงกลางระหว่าง ‘ด๊าส’ กับ ‘เดิ๊ส’ เหี้ย แล้วมันคืออะไรวะ (หัวเราะ)
ที่เหลือก็ยากหมด every ลิ้นก็ต้องรัวเลย devil ก็ต้องเป็น ‘เด๊โว่ล’ คำว่า like you ก็ต้องอ่านเป็น ‘ไลก์-คยู’ ไอ้ตรง ‘คยู’ นี่ยากมาก มาเรียมบอกว่าให้นึกว่าเป็นเสียงจาม ก็ต้องอัด ‘ไลก์’ ไปก่อน ส่วน ‘คยู’ ค่อยไปจามแล้วอัดแยกเอาอีกที (หัวเราะ)
ตอนแรกผมเขียนเนื้อมายาวมากนะครับ จินตนาการเยอะมาก ฉันจูบเธอแล้วโดนไฟคลอกตาย ต่อให้ไฟนรกเผาผลาญฉันในระหว่างที่จูบเธอฉันก็ยอม เต็มไปหมดเลย แต่สุดท้ายตัดออกไปครึ่งหนึ่งเพราะร้องไม่ไหวจริงๆ (หัวเราะ) สรุปเลยเหลือสั้นมาก
ไม่เสียดายบ้างเหรอ
ไม่ครับ ดีแล้วที่ตัดออกไป ไม่งั้นอัดไม่เสร็จแน่ๆ (หัวเราะ)
เคยท้อหรือสงสัยบ้างไหมว่าทำไมเราต้องลงทุนทำอะไรมากขนาดนี้
ไม่เคย คิดว่าถ้าทำได้ก็เป็นผลดีต่อตัวเองในอนาคต อย่างที่บอกว่าความฝันของผมคือการได้ทำงานกับศิลปินต่างประเทศที่เก่งๆ ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ พอจบอัลบั้มนี้แล้วผมก็คิดว่าจะทำเพลงภาษาอังกฤษออกมาอีกนะ ก็ต้องพยายามให้มากขึ้น ยิ่งเป็นคนไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก
Photo: ปรมภัทร ผูกทอง
- เคล็ดลับอีกอย่างของแสตมป์คือฝึกอ่านนิยายภาษาอังกฤษ เล่มแรกคือ Angels & Demons ของแดน บราวน์ ไปจนถึงอ่านหนังสือของมูราคามิเวอร์ชันภาษาอังกฤษ เพื่อเทียบกับภาษาไทยที่แปลโดยนพดล เวชสวัสดิ์ ก่อนจะค้นพบว่าที่เขาชอบมูราคามิ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาชอบสำนวนการแปลที่เป็นเอกลักษณ์ของนพดลเองด้วย
- แสตมป์เคยชอบเรียนเลข แต่พอเขารู้ว่าตัวแปรในการแก้สมการมีได้มากกว่า x และ y เขาก็ตัดใจ และคิดว่าอย่าไปแก้มันเลยดีกว่า
- แสตมป์เคยให้ตุล (ตุล ไวฑูรเกียรติ นักร้องนำวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า) แต่งเพลง บ้านเล็ก เป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษให้ พอตุลแต่งมาให้เรียบร้อย แต่แสตมป์กลับอายจนไม่กล้าร้อง แถมยังไม่ได้จ่ายเงินค่าแต่งเพลงให้ตุลด้วย
- ตอนนี้อัลบั้ม STAMP STH (STAMP SOMETHING) มีขายแค่ในประเทศญี่ปุ่น และจะเริ่มวางขายที่ประเทศไทยในรูปแบบดิจิทัลและแผ่นเสียงในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้