วันที่ 21 กันยายน 2560 OneRepublic จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย!
ตุลาคมปีที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งปล่อยอัลบั้ม Oh My My (2016) อันเป็นผลงานเพลงอัลบั้มลำดับที่ 4 หลังจากเดินทางบนถนนดนตรีมา 10 กว่าปี โดยมีเพลงฮิตร้องตามได้อย่าง Counting Stars, Stop and Stare, Apologize, Wherever I go และไม่น่าเชื่อมากไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ร้องเพลงเหล่านี้ สมาชิกวงจะช่วยกันดีไซน์ให้มันใหม่ขึ้นได้เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองและคนฟังรู้สึกเบื่อ
OneRepublic (1R) คือ ไรอัน เท็ดเดอร์ (ร้องนำ, กีตาร์, เปียโน), แซ็ค ฟิลคินส์ (กีตาร์), เอ็ดดี้ ฟิชเชอร์ (กลอง), เบรนต์ คัตเซิล (เบส, เชลโล) และดรูว์ บราวน์ (กีตาร์)
และนี่คือ 10 เหตุผลที่เราต้องยอมกระเป๋าแบนเพื่อคอนเสิร์ตของ OneRepublic
1. นี่เป็นคอนเสิร์ตแรกของพวกเขาในเมืองไทย แต่ก่อนหน้านี้เคยแวะมาท่องเที่ยวระหว่างพักทัวร์อยู่บ้าง
2. โชว์ของ OneRepublic มันดีมาก เต็มไปด้วยพลัง ความคิดสร้างสรรค์ และทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับดนตรีของพวกเขา ทั้งยังกลมกลืนเพลงใหม่และเก่าเข้าด้วยกันให้แฟนเพลงแต่ละรุ่นร้องตาม สนุกตามไปด้วยกัน ระหว่างคอนเสิร์ตทางวงยังขยันโพสต์โซเชียล ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม, เฟซบุ๊ก ในชื่อเดียวกัน @OneRepublic
3. อัลบั้ม Oh My My เป็นงานดนตรีที่เกิดขึ้นระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตปีที่แล้ว หลายๆ เมืองที่พวกเขาไปโชว์ จะใช้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง แล้วยังใช้โรงแรมแต่ละแห่งที่ไปพักเซตอัพให้กลายเป็นสตูดิโอทำเพลง อย่างเช่น มะนิลา ฟิลิปปินส์ โตเกียว และซิดนีย์
4. เป็นวงดนตรีนักทดลอง แต่ละเพลงพวกเขาจะทดลองทำ 4-5 เวอร์ชัน ก่อนจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด หรืออย่างอัลบั้ม Oh My My ก็เป็นการเลือกเพียง 20 เพลง จากทั้งหมดที่ทำไว้ราว 40-50 เพลง
5. เช่นกัน เวลาโชว์คอนเสิร์ตพวกเขาคิดไว้แล้วว่ามีอะไรเป็นไฮไลต์ อย่างโชว์ที่มะนิลาปีที่แล้ว MTV Music Evolution Manila 2016 (ซึ่งเราได้ไปชมอย่างใกล้) ไรอัน เท็ดเดอร์ บอกว่าปิดท้ายโชว์วันนี้พวกเขาคิดเซอร์ไพรส์มาแล้ว พูดจบทีมงานก็ยกกลองใหญ่ขึ้นมาบนเวที 4 ตัว พร้อมกับเพลงสุดท้าย If I lose myself ที่สมาชิกทั้งวงมาช่วยกันตีกลอง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเพียงอย่างเดียว พอถึงท่อนพีค พลุจุดสว่างไปทั่วคอนเสิร์ต เรียกว่าเป็นการจบโชว์ได้อย่างทรงพลัง และจะจำไปอีกนาน
6. เป็นนักดนตรีที่ชอบเดินทาง เวลา 1R ไปโชว์ที่ไหน เขาจะลงไปใช้ชีวิตแบบคนในเมืองนั้นด้วย ไรอัน เท็ดเดอร์ คนเดิมบอกว่า พวกเขาจะค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ตว่ามีผับดีๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟไหนที่น่าสนใจบ้าง “ผมว่าการที่เราทัวร์คอนเสิร์ตไปรอบโลก มันเหนื่อยอยู่แล้วล่ะ ศิลปินหลายคนก็เลยเลือกจะอยู่โรงแรม แต่เราเดินทางมาเป็น 10 ปีแล้ว เรามองว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้ไปในที่สวยๆ ในที่ๆ น่าตื่นเต้น เราจะออกไปหาอาหารท้องถิ่นกิน ไปฟังเพลงในคาเฟ่ อะไรแบบนั้น”
7. ตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา OneRepublic ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกกว่า 154 เมือง ใน 26 ประเทศ และตั๋ว sold out แทบทุกครั้ง
8. สนับสนุน 1R ก็เท่ากับได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ด้วย OneRepublic ได้ก่อตั้ง Good Life Foundation (ซึ่งมาจากชื่อเพลง Good Life) เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในการมีชีวิตที่ดี โดยมุ่งไปที่การช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนยา อาหาร น้ำสะอาด รวมถึงผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลกตามคำบอกเล่าของวงที่ว่า “เราทำสิ่งที่เราทำได้ เราอยากเห็นผู้คนบนโลกนี้มีชีวิตที่ดีได้เหมือนๆ กัน”
9. ไรอัน เท็ดเดอร์ เขียนจดหมายถึงแฟนเพลงผ่านทางเฟซบุ๊กของ OneRepublic เล่าถึงชีวิตในช่วงต้นปีที่เขาขอ ‘ถอดปลั๊ก’ หลังจากประสบปัญหาความเครียด ขาดแรงบันดาลใจ ไม่มีความสุข หลังจากหยุดพักไปราว 4 เดือน เขากลับมาพร้อมความคิดใหม่และพลังใจเต็มเปี่ยม ตอนหนึ่งของจดหมายบอกว่า “เราต่างเคยอยู่ในช่วงเวลาที่มืดมน เราจะยกระดับดนตรีเพื่อช่วยให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้น เชื่อมถึงกัน เข้าใจความเป็นมนุษย์ และมีความรักให้แก่กันให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้”
10. No Vacancy คือเพลงล่าสุดที่ปล่อยเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา เป็นเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มใดๆ ตามความคิดของวงที่อาจจะปล่อยเพลงทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน โดยไม่ยึดติดกับวงจรการทำเพลงแบบเดิมๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงตามการฟังเพลงที่เปลี่ยนไป และเราจะรอฟังเพลงนี้ในคอนเสิร์ตที่เมืองไทย!
21 กันยายน 2560 นี้ พบกับ ‘OneRepublic Live in Bangkok’ ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ราคาบัตรเริ่มต้นที่ 2,000 บาท เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com
อ้างอิง:
- โซเชียลมีเดียของทางวงที่เห็นอัพเดตเรื่องต่างๆ อยู่ตลอดเวลานั้น ไรอัน เท็ดเดอร์ บอกว่าเขากับเพื่อนๆ ในวงช่วยกัน รวมถึงผู้จัดการวงด้วย
- Discography
Dreaming Out Loud (2007) อัลบั้มนี้มีเพลง Apologize ที่ทำให้วงดังเป็นพลุแตก และเพลง Stop and Stare ที่ยังได้ยินกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
Waking Up (2009)ไม่รู้ว่าฝั่งดนตรีสากลเขามีอาถรรพ์อัลบั้มที่ 2 ไหม รู้แต่ว่าเพลงฮิตจากอัลบั้มนี้อย่าง Secrets, All the Right Moves หรือเพลง Good Life ก็เป็นเพลงติดชาร์ตอย่างยาวนาน
Native (2013) อัลบั้มที่ 3 มีเพลงที่ความฮิตขึ้นไปเทียบชั้น Apologize ก็คือเพลง Counting Stars
Oh My My (2016) สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 4 มีเพลง Wherever I go เป็นซิงเกิลแรกที่ฮิตทันที และทางวงได้ร่วมงานกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการเพลง อย่างเช่น Peter Gabriel และ Santigold วง Cassius ดูโอเพลงอิเล็กทรอนิกส์จากฝรั่งเศส และ Romy Madley Croft แห่งวง The xx
