The Supremes, Atomic Kitten, Destiny’s Child, TLC หรือ T-Skirt ของบ้านเรา คือวงดนตรีผู้หญิงที่มีสมาชิกสามคน ที่โลดแล่นและสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งยังมีบทเพลงที่ทำให้เรานึกย้อนไปสู่จุดๆ หนึ่งในชีวิต สำหรับ HAIM ก็เป็นอีกหนึ่งวงจากอเมริกา ที่มาพร้อมซาวด์ป๊อปร็อก ผสมผสานอาร์แอนด์บีที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ ทั้งยังแมสสุดๆ ในขณะเดียวกัน ถ้าถามฮิปสเตอร์จากประเทศไอซ์แลนด์ก็ยังต้องยกนิ้วให้
THE STANDARD ได้หยิบเกร็ดความรู้บางส่วนของวงนี้มาให้รู้กัน ในวันที่อัลบั้มใหม่ Something to Tell You วางแผงวันนี้ หลังหายไปนานกว่าสี่ปีจากชุดก่อน
– วง HAIM ประกอบไปด้วย 3 สมาชิก เอสเต้ ไฮม์ (Este Haim) เกิดวันที่ 14 มีนาคม ปี 1986, แดเนียล ไฮม์ (Danielle Haim) เกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 1989 และ อลานา ไฮม์ (Alana Haim) เกิดวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1991 ซึ่งถ้าคิดกันเล่นๆ ว่า ถ้าเอา เอสเต้, อลานา และแดเนียล มายืนเรียงกันก็จะเกิดวันที่ 14,15,16
– สามสาวพี่น้องวง HAIM เกิดและเติบโตที่ San Fernando Valley ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในครอบครัวศาสนายิว พ่อชื่อ มอร์ดิชาย ไฮม์ (Mordechai Haim) ที่เป็นชาวอิสราเอลและย้ายถิ่นฐานมาอยู่อเมริกาในช่วง 80s โดยเคยเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ ก่อนจะเริ่มฟอร์มวงดนตรีกับภรรยาของตัวเอง ดอนนา ไฮม์ (Donna Haim) และมีวงทั้ง ‘Mommies & the Daddies’ และ ‘Boomerang’
– พี่น้อง HAIM เติบโตมาในครอบครัวที่หลงรักดนตรีอย่างจริงจัง เพราะพ่อแม่ของพวกเขาได้ปรับให้ห้องรับแขกในบ้านเป็นสตูดิโอย่อมๆ ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก (และยังคงใช้อยู่ทุกวันนี้) โดยครอบครัวนี้ฟอร์มวงสมาชิก 5 คนในนาม ‘Rockinhaim’ ที่จะนิยมเล่นเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินร็อก และเพลงของค่าย Motown
https://www.youtube.com/watch?v=lL0u7x4U4VU&feature=youtu.be
– พี่น้อง HAIM เข้าเรียนที่ Los Angeles County High School for the Arts ในลอสแอนเจลิส พวกเขาได้ทำโปรเจกต์พิเศษกับองค์กร California Lottery และ #ThankATeacher ในปี 2016
– แดเนียล และเอสเต้ เคยอยู่ในวงสไตล์ป๊อปร็อกชื่อ ‘Valli Girls’ ซึ่งก็ไม่ได้เปรี้ยงเท่าไร แต่เพลงของวงนี้ได้ไปโผล่ในภาพยนตร์เรื่อง The Sisterhood of Travelling Pants ที่ เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) และ อเมริกา เฟอร์เรรา (America Ferrera) แสดงนำ
– ในวง HAIM พี่สาวคนโต เอสเต้ เป็นมือเบส อลานา น้องคนสุดท้องเป็นมือคีย์บอร์ด ส่วนคนกลาง แดเนียล เป็นมือกีตาร์ ซึ่งแดเนียลเคยได้ไปออกทัวร์กับนักร้อง จูเลียน คาซาบลังกาส์ (Julian Casablancas) แห่งวง The Strokes มาแล้ว
– ปี 2012 เป็นจุดเปลี่ยนของ HAIM ก็ว่าได้ เพราะพวกเขาปล่อย EP สามเพลง ชื่อ Forever จนได้เซ็นสัญญากับค่าย Polydor ในประเทศอังกฤษ และได้บริษัท Roc Nation ของเจย์-ซี (Jay-Z) มาดูแลด้านบริหารศิลปิน
– ในปี 2013 HAIM ชนะรางวัล ‘Sound Off…’ ของ BBC อันเป็นการให้นักวิจารณ์โหวตหาศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด โดยพวกเธอเอาชนะ The Weeknd, Chvrches และ Kodaline มาได้
– อัลบั้มแรกของ HAIM ชื่อว่า Days Are Gone ปล่อยออกมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2013 ซึ่งได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม และได้เข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ที่ Grammy Awards ปี 2015 แต่พ่ายแพ้ให้กับนักร้องหนุ่ม Sam Smith ที่เคยชนะรางวัล ‘Sound Off…’ เช่นเดียวกันในปี 2014
– หนี่งในเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดจากอัลบั้ม Days Are Gone คือเพลง The Falling ที่มิวสิกวิดีโอกำกับโดย Tabitha Denholm เพลงนี้มียอดวิวมากที่สุดในบรรดาวิดีโอของพวกเธอในช่อง VEVO ในยูทูบ
– อัลบั้มล่าสุดของ HAIM ชื่อ Something to Tell You ที่ได้ Ariel Rechtshaid จากอัลบั้มก่อนมาช่วยโปรดิวซ์ให้เหมือนเดิน ส่วนอีกหนึ่งความน่าสนใจคือการได้โปรดิวเซอร์คนโปรดของจัสติน บีเบอร์ อย่าง BloodPop มาช่วยทำเพลงให้ด้วย โดยทั้งสองโปรดิวเซอร์ได้มาร่วมทำซิงเกิลเพลงแรก Want You Back
– เหตุผลที่อัลบั้ม Something to Tell You วางแผงวันที่ 7 เดือนกรกฎาคมก็เพราะ เป็นวันครบรอบที่ HAIM แสดงสดด้วยกันเป็นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน ณ พิพิธภัณฑ์ตัวตลกแห่งหนึ่ง
– ไอดอลของวง HAIM ก็คือ สตีวี นิคส์ (Stevie Nicks) นักร้องวง Fleetwood Mac ที่สามสาวเคยขึ้นปกนิตยสาร T ของ The New York Times กับสตีวีมาแล้ว
– สาวๆ HAIM ยังเป็นเพื่อนสนิทกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) อีกด้วย พวกเธอเคยไปร้องเพลงฟีเจอริงกับแฟนเก่าเทย์เลอร์ที่ชื่อ แคลวิน แฮร์ริส (Calvin Harris) ในเพลง Pray to God
– ชื่อของวง HAIM ต้องออกเสียงเป็นสองพยางค์ ‘High-Im’
– พวกเธอไม่อยากให้คนตีความว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ป แต่ HAIM คือนักดนตรีสามคนที่เป็นพี่น้องกัน
Photo: Haim/Facebook
อ้างอิง:
