หลายครั้งเหลือเกินที่เนื้อเพลงน่ารักและเสียงร้องอุ่นซึ้งของ บอย-ตรัย ภูมิรัตน เรียกได้ทั้งรอยยิ้มและกำลังใจให้คนฟัง เช่นเดียวกับเพลงใหม่ของเขา ดวงอาทิตย์ ที่ทำหน้าที่นั้นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนฮุก
…สมมติว่า ทุกเช้าได้ตื่นมาเจอกันทุกวัน
สมมติว่า เธอนอนหลับในอ้อมแขนฉัน
เสียงหัวใจเต้นจังหวะเดียวกัน โอ้ เธอรู้บ้างไหมสำหรับฉัน
oh baby เธอนั้นเป็นเหมือนดวงอาทิตย์…
ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกอุ่นจนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเรามีดวงอาทิตย์ส่วนตัวเป็นของตัวเองแบบนั้นบ้างก็คงดี ว่าแต่ผู้ชายอบอุ่น หุ่นหมี โรแมนติก แต่ขี้อายอย่างบอย ตรัย เขาเอาแรงบันดาลใจจากไหนมาเขียนเพลงให้ชวนอุ่นได้ตลอดเวลา… คำตอบก็อยู่ไม่ไกลตัวเลย เพราะ ‘ภรรยา’ และ ‘ลูก’ นี่เองที่ทำให้เขาเก็บทุกเรื่องราวตลอดสิบกว่าปีที่เคยทำร่วมกับภรรยา (ตุ๊กตา-พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล) ไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวเล่มเล็กๆ
ล่าสุดเขาและภรรยายังช่วยกันทำสมุดบันทึกเล่มใหม่เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับ ‘ชื่นใจ’ ลูกสาวที่เป็นเหมือน ‘ดวงอาทิตย์’ ที่มอบทั้งความสุขและความสดใสให้กับทั้งคู่
นตต. ร้องไห้ แม้แต่ราคาอาหารยังเป็นเลขน่ากลัวเลย อะไรมันจะพอดีขนาดนั้น
‘ดวงอาทิตย์’ ของบอย-ตรัย ภูมิรัตน
แรงบันดาลใจตอนแต่งเพลง ดวงอาทิตย์ คือสองคนนี้เลยครับ แต่พอทำออกมาเป็นเพลง เราอยากให้มันเป็นเพลงสำหรับทุกๆ คนที่มีความรัก แล้วอยากให้คนที่เขารักเข้ามาอยู่ในชีวิต ให้คนคนนั้นมาเป็นดวงอาทิตย์ส่วนตัวในตอนเช้า โดยที่ชื่นใจกับตุ๊กตาก็เป็นดวงอาทิตย์ของผม
ช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา เวลาคิดถึงตุ๊กตา ผมจะชอบคิดถึงดวงอาทิตย์ แล้วอยู่ๆ ก็มีความคิดว่าทำไมเราถึงไม่เขียนเพลงนี้ไปเลย จนช่วงที่ผมพาครอบครัวไปเที่ยวปารีส ครั้งที่ 2 แล้วเห็นภาพชื่นใจกับตุ๊กตาวิ่งเล่นกันอยู่ที่หน้าร้านกาแฟ กินอาหารง่ายๆ เป็นวันที่ชื่นใจกินอาหารได้เยอะ กัดขนมปังกินเองโดยที่ไม่ต้องบอก สำหรับคนเป็นพ่อ แค่นั้นก็มีความสุขมากแล้วนะครับ
ภาพที่เห็นในวันนั้นทำให้เรารู้สึกดีมาก ก็เลยเริ่มจดบันทึกความรู้สึกว่าการมีความรักมันดีนะ แล้วพอกลับมาถึงเมืองไทยค่อยเขียนต่อออกมาเป็นเพลง
บันทึกทุกวงโคจรระหว่าง ‘ดาวเคราะห์’ และ ‘ดวงอาทิตย์’
ความจริงผมไม่ได้เป็นคนชอบทำอะไรแบบนี้เลยนะครับ ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัวผมจะเก็บหรือเขียนอะไรพวกนี้น้อยมาก เพราะไม่ได้มีนิสัยหวานแหววมุ้งมิ้งอะไรแบบนั้น แต่พอเป็นเรื่องราวของคนพิเศษอย่างภรรยาและลูก ผมจะมีความรู้สึกว่าอยากเก็บช่วงเวลาพิเศษกับคนพิเศษของเราไว้
ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเก็บเป็นเล่มจริงๆ จังๆ ขนาดนี้ แต่พอไปไหนมาไหนก็เริ่มเอามาหนีบๆ เก็บไว้ สักพักก็เริ่มคิดว่าดีเหมือนกันนะ ถ้าเก็บรอให้ครบ 1 เล่มแล้วให้เขาในวันครบรอบแต่งงาน ซึ่งผมก็เพิ่งให้เล่มแรกกับภรรยาไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง ส่วนตอนนี้กำลังเริ่มทำเล่ม 2 อยู่
ผมชอบบันทึกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเอาไว้ ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเลยนะ ไม่ได้ถึงขนาดต้องเอากลับมาดูบ่อยๆ แต่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้อมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง อย่างบางทีไปเจอกันแล้วเรารู้สึกไม่ดีก็เขียนกำกับเอาไว้เช่น ‘ไปหา นตต. ที่เวิลด์เทรด นตต. เย็นชา มื้อเย็นกินแมคโดนัลด์ในโรงหนัง หนังดี แต่ดีเพรสมาก’ (หัวเราะ) เหมือนเป็นการระบายอารมณ์ในช่วงนั้นๆ เพราะเรารู้ว่าสุดท้ายเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป การบันทึกเอาไว้จะได้ช่วยทำให้ช่วงเวลาแบบนั้นกลับมา
ผมเก็บแทบทุกอย่างจริงๆ นะ บางชิ้นก็งงเหมือนกันว่าเก็บไว้ทำไม อย่างตั๋วหนังมีเยอะมาก เพราะน่าจะเป็นกิจกรรมที่ทำด้วยกันบ่อยที่สุด ตั๋วหนังบางแผ่นนี่เก็บจนตัวหนังสือจางแบบแทบมองไม่เห็นแล้วว่าคือเรื่องอะไร
บางทีก็เป็นกระดาษห่อช็อกโกแลต หรือพลาสเตอร์ บางหน้าก็จะเป็นกระดาษที่ตุ๊กตาวาดรูปหรือเขียนข้อความเอาไว้ให้ ก็จะเอามาเก็บไว้ในนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งมักจะเป็นข้อความที่ผมโดนต่อว่าเสียเป็นส่วนใหญ่ (หัวเราะ)
สมุดเล่มนี้มันมีเรื่องราวที่ถูกบันทึกเอาไว้เยอะมาก โดยเฉพาะช่วงจีบกัน ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเราต้องปรับตัวกันเยอะมาก ทะเลาะกันบ่อย แต่พอเลยช่วงนั้นไปแล้ว เรากลับแทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย เหมือนเราทะเลาะและปรับตัวจนเข้าใจกันเกือบทุกอย่างได้แล้วค่อยตกลงเป็นแฟนกัน
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมจะเฉลยกับภรรยาไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า ถ้าอยากได้อะไรให้บอก ไม่ต้องให้เดานะ สมมติเจอกันแล้วอยากให้ถือกระเป๋าให้ก็บอกเลยนะ ถ้าไม่บอก เดี๋ยวไม่รู้ เพราะผมค่อนข้างหัวช้ากับเรื่องแบบนี้ ซึ่งพอเขามาบอกอย่างที่ต้องการ ทุกอย่างมันก็จะง่ายหมดเลย พอเข้าใจกันก็จะไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันแล้ว โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ในการใช้ชีวิตคู่หรือการเลี้ยงลูก ซึ่งเราจะมีความเห็นคล้ายกัน ส่วนที่เหลือเลยกลายเป็นการทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผมเองมากกว่า (หัวเราะ) เช่น เวลาฟังเพลงของผมแล้วภรรยาไม่ชอบ หรืออยู่บนรถด้วยกันแล้วเขาร้องเพลงคนอื่น
ของขวัญวันเกิดสำหรับ ‘ดวงอาทิตย์’ ดวงที่สอง
สมุดบันทึกเล่มใหม่นี้ผมช่วยกันทำกับตุ๊กตา กะว่าจะให้เป็นของขวัญวันเกิดของชื่นใจในเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นสมุดที่จดบันทึกหรือใส่รูปความทรงจำของลูกตามไทม์ไลน์ต่างๆ เราจะหารูปมาใส่แล้วก็เขียนความรู้สึกเอาไว้ อันนี้ก็เก็บความทรงจำทุกอย่างเอาไว้เกือบหมดเหมือนกัน ตั้งแต่ชื่นใจเกิด เช่น วันเกิดปีแรก คริสต์มาสครั้งแรก ถ่ายรูปติดบัตรครั้งแรก หรือมีใครมาเยี่ยม ไปเจออะไรมาบ้าง ก็อยากเก็บไว้ให้เขาได้ดู เพราะชื่นใจเป็นคนชอบดูรูป เวลาไปโรงเรียน ผมจะซ่อนรูปไว้ในกระเป๋าแล้วบอกว่าให้หยิบขึ้นมาดูเวลาเหงา แล้วเขาก็จะหยิบขึ้นมาดูจริงๆ คุณครูก็บอกว่าเวลาซึมๆ เขาจะหยิบรูปขึ้นมาดู
ชื่นใจเป็นเหมือนพระอาทิตย์ส่วนตัวของผมจริงๆ เลยนะครับ เพราะทุกๆ เช้าประมาณตี 5 ครึ่งถึง 6 โมง เขาจะมากระโดดเข่าคู่ใส่ให้ผมตื่น เป็นพระอาทิตย์ที่ปลุกให้เราตื่นมาในทุกเช้าจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมมีความสุขที่สุด เพราะตลอดชีวิตก่อนมีเขา ผมไม่เคยตื่นด้วยความรู้สึกนี้ แต่ปัจจุบันผมตื่นมาพร้อมกับคนที่พร้อมจะสนุก ตื่นมาก็สนุกเลย แล้วเราเองก็ต้องสนุกกับเขาให้ได้ทันที จะปล่อยให้เขาสนุกคนเดียวไม่ได้
ฉะนั้นเข่าคู่ของชื่นใจที่กระโดดลงมาใส่เลยทำให้ทุกๆ เช้าเป็นเช้าที่สดใสเสมอ
- บอยกับตุ๊กตาเรียกแทนตัวเองกันว่า ‘ตั่วตั๊ว’ มาจากโฆษณาชิ้นหนึ่งในสมัยก่อนที่เรียกแทนคนรักว่า ‘ตัว’ แล้วบอยรู้สึกรำคาญ ก็เลยเอามาใช้เรียกล้อเล่นกับตุ๊กตา จนเรียกไปเรียกมาก็ติดเป็นเรียกกันทั้งคู่จนมาถึงทุกวันนี้