พักหลังๆ เราได้เห็นแบรนด์ต่างๆ จับมือกันออกคอลเล็กชันเซเลบริตี้ ศิลปิน ดารากันมากมาย ล่าสุดแบรนด์ Leisure Projects จับมือกับศิลปินสุดโรแมนติกอย่างเบล สุพล ออกคอลเล็กชันที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ความเรียบของแบรนด์ผสมเข้ากับดนตรีที่โรแมนติกของเบลได้ออกมาเป็นคอลเล็กชันสุดพิเศษ
THE STANDARD ได้สัมภาษณ์ นัท-ณัฐพล กนกวลีวงศ์ และ เบล-สุพล พัวศิริรักษ์ เกี่ยวกับการร่วมมือสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้
จุดเริ่มต้นของการทำงานในโปรเจกต์นี้
นัท: ตอนแรกทาง Fuse ที่เป็นโปรเจกต์หนึ่งของแกรมมี่ เขาติดต่อมาว่ามีโปรเจกต์อยากจะทำด้วย แล้วทางเขาก็ส่งโปรไฟล์ของศิลปินมาให้ดูว่าแบรนด์เราเหมาะ และเราสนใจทำงานกับใคร ซึ่งคาแรกเตอร์ของพี่เบลเหมาะกับแบรนด์ Leisure Projects ที่สุดแล้ว
เรารู้สึกว่าคาแรกเตอร์ของแบรนด์ต้องเป็นผู้ชายที่เรียบร้อย แต่ยังมีความสนุกสนานในตัวเอง เหมือนเวลาที่ทุกคนเห็นพี่เบลจะรู้สึกถึงความเป็นผู้ชายโรแมนติก แต่พอเข้าไปดูอินสตาแกรมของเขา เราจะเห็นความเป็นจริงว่าพี่เบลเป็นคนสนุกกับการแต่งตัวมาก แล้วก็อินกับสตรีทแฟชั่นมาก เราชอบตัวตนจริงๆ ของเขา และในแง่ของการเป็นนักร้องที่ดูโรแมนติกแล้วยังแมตช์กับแบรนด์ Leisure Projects ได้อยู่
เบลมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เมื่อรู้ว่าจะได้ออกแบบคอลเล็กชันร่วมกับแบรนด์ Leisure Projects
เบล: เราเคยได้ยินอยู่แล้วว่ามันมีโปรเจกต์ Fuse ของแกรมมี่ที่จะเอานักร้องมาจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าแล้วทำคอลเล็กชันออกมา เราก็สนใจตั้งแต่ตอนนั้น และพอรู้ว่าเป็นแบรนด์ Leisure Projects เราก็ดีใจมาก เพราะไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาทำเสื้อผ้า โดยส่วนตัวเราชอบแต่งตัวและชอบแฟชั่นอยู่แล้ว พอได้มาทำก็เลยตื่นเต้น แล้วก็ดีใจที่แบรนด์ Leisure Projects เลือกเรา
ปกติเห็นแต่ลุคสูทที่ดูทางการเวลาใส่ออกงานต่างๆ ในเวลาปกติเบลชอบแต่งตัวสไตล์ไหน
เบล: จริงๆ ผมเป็นคนเสพแฟชั่นนะ แต่เป็นคนที่แต่งตัวค่อนข้างมินิมัล และเลือกเสื้อผ้าต่างๆ ที่ใส่ได้บ่อย มันอาจจะดูน้อย ดูเรียบ แต่ก็มีดีเทลที่ทำให้มันไม่ได้ดูเป็นเสื้อผ้าเบสิกทั่วไป
รู้สึกว่าแบรนด์ Leisure Projects เป็นตัวเบลอย่างไร
เบล: เรารู้จักแบรนด์นี้มานานแล้ว แต่ในยุคแรกๆ จะเป็นเสื้อผ้าอีกโทนหนึ่งที่มีความเป็นพาสเทล ดูแคชวล เรียบร้อย บูติกหน่อย พอเขาติดต่อมาเราเลยกลับไปอัพเดตว่าตอนนี้แบรนด์เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ผมก็เห็นถึงความเป็นตัวผม อย่างเสื้อผ้าที่ดูมินิมัล เสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกวัน มีความเรียบที่มีดีเทล ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ดูธรรมดาเหมือนเสื้อผ้าทั่วไป มันเลยตรงกับความชอบของผมส่วนหนึ่ง
ในคอลเล็กชันนี้เบลมีส่วนร่วมในการออกแบบอย่างไรบ้าง
นัท: เราประชุมกันเยอะมาก เยอะจนเราจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว โชคดีที่พี่เบลเป็นคนง่ายๆ เราเลยไม่ค่อยเกร็ง วันแรกก็ลองถามก่อนว่าพี่เบลชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อีกอย่างเราทำการบ้านมาด้วยว่าตัวจริงเขาใส่หรือไม่ใส่อะไรบ้าง พอได้คุยก็รู้ว่าเขาชอบอะไรบ้าง จากนั้นเราเอาคีย์ของแบรนด์ให้ดูว่ามีแบบไหน ทรงเป็นยังไง ปรับเปลี่ยนได้แค่ไหน ต่อมาเราก็คุยเรื่องธีม ซึ่งแน่นอน มันต้องเกี่ยวกับดนตรี เพราะพี่เบลเป็นนักดนตรีอยู่แล้ว เราก็ต้องเน้นด้านนี้ของเขา และหาความลงตัวร่วมกัน
สุดท้ายมันก็มาลงตัวกันในเรื่องของยุค 80s ทั้งกราฟิก อาร์ต ดนตรี จากนั้นเราก็มาตกลงกันเรื่องชื่อคอนเซปต์จนได้เป็น Music sound better with you คือในตัวของพี่เบลเอง เราก็รู้สึกว่ามันมีความเชื่อมโยงในเรื่องของเพลงรัก ส่วนในดีเทลเสื้อผ้าต่างๆ ก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีผสมผสานอยู่ แต่ไม่ได้เป็นอะไรที่ตรงไปตรงมา ลายเสื้อเราต้องไม่มีตัวโน้ต ต้องไม่มีกีตาร์ สุดท้ายเลยคิดออกมาเป็นคลื่นเสียงของพี่เบลที่ไปอัดคำว่า Music sound better with you แล้วเรานำมาใช้เป็นกราฟิกลายเสื้อ
การทำงานร่วมกับแบรนด์ในครั้งนี้ มีเรื่องไหนที่เบลประทับใจบ้าง
เบล: ความสนุกมันอยู่ในตอนที่ผมโยนไอเดียทุกอย่างลงไปว่าอยากทำอะไร เราชอบอะไร จากนั้นนัทก็จะบอกมาว่าทำได้หรือไม่ได้ อันไหนมากไป อันไหนน้อยไป จนมาถึงจุดที่เราต้องเจอกันตรงกลางเพื่อหาความลงตัว มันต้องมีความเป็น Leisure Projects ด้วย มีความเป็นผมด้วย แล้วเราไม่ได้นำเสนอว่าเสื้อผ้าพวกนี้สำหรับนักดนตรีใส่ หรือคนที่อินเพลงจัดๆ เราว่าทุกคนฟังเพลงอยู่แล้ว เราเลยเอามิวสิกมาเป็นแรงบันดาลใจ
ส่วนคำว่า Music sound better with you มาจากชื่อเพลงของวง Stardust ที่ผมฟังมาจากปาร์ตี้แต่งงานของเพื่อน มันทำให้รู้สึกว่าคำนี้โรแมนติกมากเลย พอเราได้ฟังเพลงกับคนพิเศษหรือคนที่เรารู้สึกดีด้วย จากที่มันเพราะอยู่แล้ว มันยิ่งเพราะมากขึ้นไปอีก เราเลยชอบชื่อเพลงนี้แล้วหยิบมาใช้เป็นคอนเซปต์หลัก พอคอลเล็กชันออกมาผมก็ชอบมากๆ และอยากลองทำมันอีก
ส่วนตัวเบลมีไอเท็มชิ้นไหนที่ชอบมากที่สุด
เบล: เราชอบหมดทุกตัว เพราะทุกชิ้นกว่ามันจะผ่านมาได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เราใช้เวลาถึง 8 เดือน คุยกันตลอด มีการปรับ มีการเปลี่ยน ถ้าจะชอบที่สุดหรืออยากหยิบมาใส่ตอนนี้มากที่สุดคือแจ็กเก็ตสีดำที่มีลายปักตรงหน้าอกเป็นคลื่นเสียง ที่ผมไปอัดเสียงมาเองว่า Music sound better with you
Where to shop:
Gin and Milk ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์, www.fuseshops.com