×

วิเคราะห์ทฤษฎีความป๊อป: Peach Girl การ์ตูนสาวน้อยที่กำลังจะกลับมาในรูปแบบภาพยนตร์

10.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 mins read
  • Peach Girl ชนะรางวัล Kodansha Manga Award ครั้งที่ 23 ในปี 1999 สาขาการ์ตูนผู้หญิงยอดเยี่ยม
  • ถูกสร้างเป็นแอนิเมชันจำนวน 25 ตอน และซีรีส์ไต้หวันในชื่อ ‘Peach Girl เธอสุดแสบที่ฉันแอบรัก’ โดยมีแวนเนส วู แห่งวง F4 ร่วมนำแสดง และออกอากาศในบ้านเราทางช่อง 3 เมื่อปี 2007  
  • Peach Girl ฉบับการ์ตูน มีภาคต่อชื่อ Peach Girl: Sae’s Story หรือ Peach Girl นอกรอบ และมี Peach Girl NEXT ภาคล่าสุด ที่เป็นเรื่องราว 10 ปีให้หลัง ปัจจุบันออกรวมเล่มที่ญี่ปุ่นแล้ว 2 เล่ม (เมษายน 2017) และยังมีต่อ
  • ฉบับภาพยนตร์กำกับโดย โคจิ ชินโทกุ ผู้กำกับซีรีส์ Mars ลุ้นรักนักบิด บทภาพยนตร์โดย จุนเป ยามาโอกะ มีเพลงเปิดชื่อดังอย่าง Call Me Maybe โดย คาร์ลีย์ เร เจปเซน กำลังจะเข้าฉายในไทยวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ในชื่อ ‘Peach Girl เธอสุดแสบที่แอบรัก’

เรื่องราว :

     Peach Girl เล่าเรื่องราวชีวิตมัธยมของโมโม อาดาจิ นางเอกสาวซึ่งมีปัญหากับภาพลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เธอมีผิวสีแทน และผมสีแดงซึ่งโดนกัดจากคลอรีน เพราะเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ทำให้เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงแรงๆ ก๋ากั่น ซึ่งต่างจากนิสัยจริงๆ ของเธอ

 

โมโม อาดาจิ

 

     โมโมแอบชอบเพื่อนของตัวเอง โทจิเคโมริ คาซึยะ หรือโทจิ ผู้ชายแสนซื่อ ตรงไปตรงมา ที่คอยปกป้องโมโมเวลาถูกแกล้ง แต่เธอก็ไม่เคยมีความมั่นใจที่จะบอกรัก เพราะเคยได้ยินมาว่าโทจิไม่ชอบสาวผิวแทน

 

โทจิเคโมริ คาซึยะ (โทจิ)

 

     เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นโดยการเล่าผ่านปัญหาภาพลักษณ์ของโมโมและตัวละครเพื่อนสาวตัวแสบคนสำคัญของเรื่อง ซาเอะ คาชิวางิ ที่มักจะทำอะไรๆ ตามโมโมเสมอ ไม่ว่าจะซื้อของ แต่งตัว หรือแต่งหน้า ฯลฯ เพียงเพื่อจะดูเหนือกว่า และต้องการได้ทุกอย่างที่เป็นของโมโมในคราบของเพื่อนที่หวังดีประสงค์ร้ายไปทุกเรื่อง

 

ซาเอะ คาชิวางิ

 

     โมโมไม่อยากให้ซาเอะรู้ว่าชอบโทจิ เพราะกลัวโดนแย่งไป จึงโกหกว่าคนที่ตัวเองชอบคือไคริ โอคายาสึ ชายหนุ่มสุดป๊อปประจำโรงเรียนที่ขี้เล่น รักสนุก โดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าเรื่องราวที่ตามมาจะบานปลายแค่ไหน

 

ไคริ โอคายาสึ

 

วิเคราะห์ทฤษฎีความป๊อป:

 

 

การต่อกรกับเพื่อนสาวสุดแสบ

     ด้วยความที่โมโมเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา เมื่อต้องมาต่อกรกับซาเอะที่ทำตัวแอ๊บแบ๊วน่าสงสาร ทำให้โมโมเสียเปรียบในหลายๆ สถานการณ์จนแทบทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยทุกอย่างให้ตกเป็นของซาเอะ ทั้งการถูกใส่ร้าย แบล็กเมล ฯลฯ การเอาใจช่วยโมโมให้รอดพ้นจากสถานการณ์ต่างๆ และลุ้นว่าเมื่อไรผู้คนจะรู้ธาตุแท้ของซาเอะ เป็นเหตุผลให้เรตติ้งของการ์ตูนดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ และส่งให้ซาเอะเป็นตัวละครสาวร้ายที่โด่งดังมากในยุคนั้น จนเกิดกระแสต่างๆ จากผู้อ่านว่า ‘เพื่อนแบบซาเอะนี่มีจริงๆ สินะ’

 

 

เรื่องราวความรักที่คาดเดาไม่ได้

     โมโมชอบโทจิ แต่ต้องโกหกว่าชอบไคริ ในขณะเดียวกัน ไคริเองก็เปิดเผยว่าเคยมีอดีตบางอย่างกับโมโม พร้อมกับซาเอะที่จ้องจะแย่งชิงและทำลายทุกอย่างที่โมโมรัก ทำให้เรื่องราวความรักสุดวุ่นวายวัยมัธยมเริ่มขึ้น ด้วยจังหวะการเล่าเรื่อง การเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่คาดเดาได้ยากกว่าเรื่องอื่นๆ ในกลุ่มการ์ตูนสาวน้อยสมัยนั้น ทำให้ Peach Girl โดดเด่นขึ้นมา โดยเฉพาะการเซอร์ไพรส์ผู้อ่านที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเรื่อง และมุมมองความรักที่แปลกใหม่จนต้องตามลุ้นกันว่า สรุปแล้วโมโมจะเลือกโทจิหรือไคริกันแน่

 

 

การเติบโตของเหล่าตัวละคร

     Peach Girl ไม่ใช่การ์ตูนสาวน้อยธรรมดาที่เน้นดราม่าแบบดำหรือขาว ด้วยความเฉียบคมของผู้เขียนอย่างอาจารย์มิวะ อุเอดะ (Miwa Ueda) ได้สร้างแต่ละตัวละครได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ ที่มีความต้องการแตกต่างกัน เติบโตมาต่างกัน มีธรรมชาตินิสัยต่างกัน ตัวละครโมโมที่เรียนรู้จะกล้าหาญขึ้นในความรัก หรือแม้แต่ซาเอะที่ต้องได้รับบทเรียนจากความร้ายกาจ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอินเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละครเหล่านี้ จนพาไปสู่ภาคต่ออย่าง Peach Girl: Sae’s Story (Ura Peach Girl) หรือชื่อฉบับแปลไทย ‘Peach Girl นอกรอบ’ ที่เล่าเรื่องราวหลังจบภาคแรกของ Peach Girl ไปสู่ภาคต่อที่เล่าเรื่องชีวิตของซาเอะหลังจากนั้น

 

ปก Peach Girl ภาคแรก และ Peach Girl นอกรอบ ฉบับแปลไทย
โดย Bongkoch Comics

 

     Peach Girl ชนะรางวัล Kodansha Manga Award ครั้งที่ 23 ในปี 1999 สาขาการ์ตูนผู้หญิงยอดเยี่ยม ด้วยยอดขายกว่า 13 ล้านเล่ม โดยฉบับแปลไทย Peach Girl (18 เล่มจบ) และ Peach Girl นอกรอบ (3 เล่มจบ) เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์บงกช พับลิชชิ่ง จำกัด (Bongkoch Comics)

     ด้วยความโด่งดัง Peach Girl ถูกนำไปปรุงใหม่ในรูปแบบของซีรีส์ไต้หวัน เมื่อปี 2002 ในชื่อ Mi Tao Nu Hai ออกอากาศทาง Chinese Television Systems (CTS) และชื่อทยว่า ‘Peach Girl เธอสุดแสบที่ฉันแอบรัก’ ออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อปี 2007 โดยมีแอนนี่ วู เล่นเป็น Xiao Tao (โมโม), เคนจิ วู เล่นเป็น Dong Si (ไทจิ) และแวนเนส วู แห่งวง F4 เล่นเป็น Ah Li (ไคริ)

 

 

 

     สามปีถัดมาในปี 2005 จึงถูกทำเป็นแอนิเมชันในชื่อ Peach Girl และเวอร์ชันภาษาอังกฤษชื่อ Peach Girl: Super Pop Love Hurricane ออกมาทั้งหมด 25 ตอน

 

https://www.youtube.com/watch?v=FggEK1LHExA

 

     โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา เป็นเวลากว่า 10 ปีหลังจากภาคนอกรอบ นิตยสาร Be-Love ของ Kodansha ก็ได้ประกาศภาคต่อล่าสุดอย่าง ‘Peach Girl NEXT’ ที่เป็นเรื่องราว 10 ปีให้หลังของทุกคน โดยตัวละครทั้งหมดกลับมามีบทบาทกันครบ แต่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ในวัย 27 ปี ปัจจุบันออกรวมเล่มที่ญี่ปุ่นแล้ว 2 เล่ม (เมษายน 2017) และยังมีต่อ

 

ปก Peach Girl NEXT ฉบับญี่ปุ่น

 

     ล่าสุดกับรูปแบบภาพยนตร์ Peach Girl กำกับโดย โคจิ ชินโทกุ (Koji Shintoku) ผู้กำกับซีรีส์ Mars ลุ้นรักนักบิด บทภาพยนตร์โดย จุนเป ยามาโอกะ (Junpei Yamaoka) มีเพลงเปิดชื่อดังอย่าง Call Me Maybe โดยคาร์ลีย์ เร เจปเซน  ซึ่งจะเข้าฉายบ้านเราในชื่อ ‘Peach Girl เธอสุดแสบที่แอบรัก’

 

 

อ้างอิง:

FYI
  • Peace Girl ฉบับภาพยนตร์ นำแสดงโดย มิซูกิ ยามาโมโตะ (โมโม), แมคเคนยู (โทจิ), นากาโนะ เมอิ (ซาเอะ) และเคย์ อิโนโอะ (ไคริ)
  • หากใครอยากอ่านฉบับการ์ตูน สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของสำนักพิมพ์บงกช www.bongkoch.com ปัจจุบัน (กรกฎาคม 2017) เหลือแค่ภาคนอกรอบ และอาจหาภาคแรกได้ตามร้านการ์ตูนเก่าทั่วไป
  • ต้องรอลุ้นกันว่าฉบับภาพยนตร์จะนำพาผู้ชมใหม่และผู้อ่านเก่าไปเจอกับอะไร เรื่องราวจะเหมือนกับฉบับการ์ตูน แอนิเมชัน หรือซีรีส์แค่ไหน 17 สิงหาคมนี้  Don’t miss the love hurricane!
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X