สถานการณ์ของแวดวงสกุลเงินดิจิทัลฉายแววสดใส ท่ามกลางรายงานว่าราคาของ บิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดของคริปโตเคอร์เรนซีตามมูลค่าตลาด สามารถฟื้นกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 21,000 ดอลลาร์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทำให้ราคากลับมาสูงกว่าราคาเดิมในช่วงที่แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโต FTX ของ Sam Bankman-Fried ล้มละลาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ราคาของบิทคอยน์ได้ทรงตัวเหนือระดับ 21,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนปีที่แล้วที่ 20,283 ดอลลาร์
ข้อมูลจาก CoinMarketCap รายงานว่า ราคาของบิทคอยน์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 22% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ราคาของบิทคอยน์ลดลงในสัดส่วนเดียวกันในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ระหว่างวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2022 เนื่องจากนักลงทุนพยายามที่จะประเมินผลกระทบของการล่มสลายของ FTX ที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ลดลงต่ำกว่า 16,000 ดอลลาร์หลายครั้งในสัปดาห์ต่อๆ มา
แม้จะมีสัญญาณฟื้นตัวในทางบวก แต่บรรดานักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็ออกโรงเตือนว่า ยังไม่อาจวางใจได้ เพราะบิทคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนสูง
ขณะเดียวกัน ล่าสุดมีรายงานจากทีมนักวิจัยของ Starkiller Capital ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มุ่งเน้นตลาดคริปโต ออกมายอมรับว่าสิ่งที่นักวิเคราะห์หลายสำนักเคยวิพากษ์วิจารณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่แทบไม่มีมูลค่าที่แท้จริง เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังนั้นล้มเหลวในการพิสูจน์ความมีประโยชน์ และตลาดสำหรับสกุลเงินดิจิทัลนั้นสร้างขึ้นและกลายเป็นกระแสได้จากโฆษณาเพียงเล็กน้อยเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
Leigh Drogen, Corey Hoffstein, และ Kevin Otte ทีมนักวิจัยผู้จัดทำรายงานในครั้งนี้อธิบายว่า โดยพื้นฐานแล้วการซื้อขายคริปโตนั้นเป็น ‘เงินร้อน’ ที่ตีกลับจากสินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่งไปยังอีกสินทรัพย์หนึ่ง โดยได้รับแรงหนุนจาก Story ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเกี่ยวกับนวัตกรรมและมูลค่าในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น
รายงานระบุว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง Story ที่โดดเด่นไม่กี่เรื่องที่ผลักดันเงินดิจิทัลเข้าสู่พื้นที่คริปโต ก่อนจะได้รับการขยายให้ใหญ่โตด้วยแรงผลักดันจากแรงซื้อมหาศาลจากผู้ลงทุน
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น รายงานอธิบายว่า สกุลเงินดั้งเดิมเช่นดอลลาร์ก็ขาดมูลค่าที่แท้จริงเช่นกัน แต่ได้รับการสนับสนุนจากศรัทธาและเครดิตอย่างเต็มที่จากสถาบันที่ออกสกุลเงิน เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ แต่สำหรับสกุลเงินคริปโตทั้งหลายจะได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบกระจายศูนย์ และปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน
สำหรับใครที่ยังนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงกรณีเงินคริปโตอย่าง Dogecoin ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลัง อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง Tesla ออกมาพูดถึงสกุลเงินดังกล่าวในทวิตเตอร์
ทีมนักวิจัยกล่าวว่า อุตสาหกรรมน้องใหม่อย่างคริปโตยังคงอยู่ในช่วงที่น่าอึดอัดใจ ท่ามกลางความหวาดระแวงของคนส่วนใหญ่ที่คอยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโอกาสทั้งหมดของคริปโต
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาวกคริปโตยังคงเชื่อมั่นว่า มูลค่าที่ลดลงของคริปโตในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นการปรับตัวเพื่อกำจัดผู้เล่นที่ไม่ดีออกไป
ขณะที่ทีมนักวิจัยยังคงมีความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโต แม้ว่าจะจัดทำรายงานที่แสดงให้เห็นภาพลักษณ์ทางลบของคริปโต โดยเชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดแล้วการพัฒนาปรับปรุงทางด้านเทคโนโลยีจะทำให้คริปโตกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะสกุลเงินของโลกอนาคตอย่างแท้จริงอีกครั้ง ภายใต้ระบบอัลกอริทึมที่แม่นยำและโปร่งใส โดยที่ไม่มีการตัดสินใจของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Bitcoin Rainbow Chart อัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ ‘1 BTC = 1 BTC’ หลังจากราคาบิทคอยน์ดิ่งลงต่อเนื่อง
- 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Ethereum หลังการอัปเกรดครั้งสำคัญ ‘The Merge’
- เจมี ไดมอน จาก JP Morgan ชี้ สกุลเงินดิจิทัลรวมถึง Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่แบบกระจายอำนาจ
อ้างอิง: