สำนักข่าว Bloomberg เผยว่า นักเศรษฐศาสตร์ได้ศึกษาปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘Crypto Wealth Effect’ ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาคริปโตเคอร์เรนซีจะมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของนักลงทุนคริปโตในสหรัฐอเมริกาอย่างไร
จากการศึกษาพบว่า ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา ความมั่งคั่งใหม่ที่เกิดขึ้นเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท และยังพบว่าพฤติกรรมการใช้เงินของนักลงทุนคริปโตไม่ได้เหมือนกับคนที่ทำกำไรได้จากการพนันหรือการถูกลอตเตอรี่
โดยกำไรทุกๆ 1 ดอลลาร์แบบที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Profit) จะนำไปสู่การใช้จ่ายประมาณ 9 เซนต์ คิดเป็นสัดส่วน 9% ขณะที่กำไรทุกๆ 1 ดอลลาร์จากตลาดหุ้นแบบที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized) จะมีการใช้จ่ายประมาณ 5 เซนต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ซึ่งต่างจากกำไรจากการชนะลอตเตอรี่ทุกๆ 1 ดอลลาร์ ที่นำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยกว่า 52 เซนต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 52% เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น การจับจ่ายหลังการลงทุนในคริปโตที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ไปอยู่ที่รถยนต์ซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini หรือสินค้าหรูแบบที่เข้าใจกันเพียงอย่างเดียว แต่บางคนได้นำกำไรดังกล่าวไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ จนทำให้ราคาอสังหาร้อนแรงและปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจากการศึกษาพบว่า กำไรทุกๆ 1 ดอลลาร์จากคริปโตที่เกิดขึ้น จะทำให้ค่าเฉลี่ยของราคาบ้านเพิ่มขึ้น 15 เซนต์ในช่วง 3 เดือนต่อมา
Darren Aiello ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเงินของ Marriott School of Business ของมหาวิทยาลัย Brigham Young ชี้ว่า ถ้าหากนักลงทุนมองคริปโตเหมือนการพนัน การใช้จ่ายหลังกำไรจากคริปโตน่าจะมีทิศทางที่คล้ายกัน
หากแต่ในความเป็นจริงพฤติกรรมหลังจากขายทำกำไรของนักลงทุนคริปโตกลับคล้ายกับนักลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมแบบหุ้น
งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเงินจากกลุ่มตัวอย่าง 60 ล้านราย ตั้งแต่ปี 2010-2023 ที่เสนอต่อ FDIC ของสหรัฐฯ ยังพบว่า 16% ของกลุ่มตัวอย่างมีการเก็บเงินในรูปคริปโตในช่วงใดช่วงหนึ่งมาจนกระทั่งถึงปี 2023
ซึ่งสามารถตีความได้ว่าประชาชนหลายคนเก็บเงินในรูปคริปโตเพื่อทำให้เงินออมเติบโต แทนที่จะลงทุนในคริปโตเพื่อเก็งกำไรในระยะเวลาสั้นๆ แล้วนำไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของมูลค่าสูง
นักวิจัยยังศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนคริปโตในสหรัฐฯ ที่ถอนเงินมากกว่า 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 175,000 บาท) ออกจากบัญชีคริปโตตั้งแต่ปี 2018-2023 พบว่า ในปีหลังจากที่ถอนจะมีการใช้เงินถึงราว 5,754 ดอลลาร์ (ประมาณ 200,000 บาท)
และ 1 ใน 20 ของนักลงทุนที่ถอนเงิน 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 175,000 บาท) ออกมาจากแพลตฟอร์มคริปโต เป็นคนที่เพิ่งซื้อบ้านหลังแรกอีกด้วย
อ้างอิง: