ท่ามกลางเกม 8 นัดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลยูโร 2020 แม้เกมที่จะถูกจับตามองมากที่สุดในเชิงของชื่อเสียงและประวัติศาสตร์คือการกลับมาพบกันของอังกฤษ และเยอรมนีที่มีบัญชีแค้นกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 และฟุตบอลยูโร 1996
แต่เกมที่ใหญ่ที่สุดจริงๆ ของรอบนี้คือการพบกันระหว่างเบลเยียมและโปรตุเกส ซึ่งจะลงฟาดแข้งกันที่สนามลา การ์ตูฆา ในเมืองเซบีญา ประเทศสเปนคืนนี้ต่างหาก
และถึงทั้งสองทีมจะอุดมไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์มากมาย และเป็นทีมที่ได้รับการขนานนามว่าอยู่ในยุคของ Golden Generation หรือยุคทองด้วยกันทั้งคู่ แต่คนที่เป็นจุดสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นการเผชิญหน้ากันของกองหน้าระดับเวิลด์คลาสอย่าง โรเมลู ลูกากู กับ คริสเตียโน โรนัลโด
ระหว่าง ‘รอม’ กับ ‘รอน’ (ชื่อเล่นของทั้งสองคน)
ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากันเพราะในระดับสโมสรแล้วเคยห้ำหั่นกันมาก่อนในเกม Derby d’Italia ระหว่างอินเตอร์ มิลานและยูเวนตุส ซึ่งเป็นต้นสังกัดของทั้งคู่ เพียงแต่เมื่อต้องมาเจอกันในนามทีมชาติแล้วความรู้สึกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก
เพราะทั้งคู่ต่างภาคภูมิใจกับการรับใช้ชาติ และต่างมีเป้าหมายที่จะพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้
ความจริงการเผชิญหน้ากันของทั้งสองนั้นเป็นเรื่องที่แอบดูประหลาด เพราะด้วยวัยของโรนัลโดที่มาถึง 36 ปี เขาควรจะมาถึงบั้นปลายของชีวิตการเล่นโดยที่อาจจะแทบไม่เหลือสภาพแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือปัจจุบันนี้ ‘CR7’ ก็ยังคงรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และไม่เพียงเท่านั้นยังคงรักษามาตรฐานในการเล่นเอาไว้ได้ด้วย
โดยเวลานี้โรนัลโด ขึ้นนำดาวซัลโวของยูโร 2020 อยู่จากการเล่น 3 นัดทำไปแล้วถึง 5 ประตูด้วยกัน และช่วยให้โปรตุเกสสามารถผ่านเข้ามาสู่รอบนี้ได้แม้ว่าผลงานโดยรวมของทีมจะไม่ถึงกับดีอย่างที่ควรจะเป็นก็ตามเพราะพวกเขาชนะแค่เกมแรกเหนือฮังการีมาแค่นัดเดียว (และกว่าจะได้ 3 ประตูก็ช่วงท้ายเกมแล้ว) นอกนั้นคือการแพ้ต่อเยอรมนีแบบหมดสภาพ และเสมอกับฝรั่งเศส
สำหรับลูกากูเขาอาจจะไม่ได้ถึงกับถูกยกให้เป็นพระเอกของทีมเพราะยังมีเบลเยียมเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมากมาย นอกจากเขาแล้วยังมี เควิน เดอ บรอยน์ รวมถึง เอแดน อาซาร์ ที่แม้ฟอร์มจะตกลงไปแต่ก็ส่งสัญญาณเหมือนจะเริ่มกลับมา
เพียงแต่จากฟอร์มที่ปรากฏแล้วลูคาคูเป็นหนึ่งในนักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ เป็นศูนย์หน้าที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
และเราก็ได้เห็นแล้วว่าเขาสามารถต่อกรกับโรนัลโดได้เป็นอย่างดีในเซเรีย อา ซึ่งแม้ผลงานส่วนตัวแล้วจะแพ้ในการแข่งชิงดาวซัลโว (โรนัลโด 29 ลูกากู 24 ประตู) แต่ลูกากูพาอินเตอร์คว้าสคูเด็ตโตได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และสำหรับกองหน้าชาวเบลเยียมแล้วเขาให้ค่ากับสิ่งนี้มากกว่าความสำเร็จของทีม
ระหว่าง All for One กับ One for All
ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างโรนัลโด และลูกากูคือ ‘วิธีคิด’ ในการเล่นฟุตบอล
สำหรับโรนัลโด เราได้เห็นอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขาคือศูนย์กลางในการเล่นของทีม ไม่ว่าจะเป็นทีมอะไรก็ตามจำเป็นที่จะต้องเล่นเพื่อให้เขาสามารถทำผลงานได้ดีที่สุด จนบางครั้งก็ถูกมองว่าเขายึดตัวเองมากกว่าเรื่องของทีม
ทั้งนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดเพราะลึกๆ แล้วดาวเตะชาวโปรตุเกสเองนั้นก็คิดถึงทีมเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมชาตินั้นเป็นสิ่งที่เขาพร้อมทุ่มเททุกอย่างทั้งแรงกายแรงใจ และแสดงความเป็นผู้นำที่โดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่แค่ด้วยอุปนิสัยความไม่ชอบแพ้ การไม่อยากเป็นสองรองใครทำให้โรนัลโดแสดงออกผ่านวิธีการเล่นเช่นนั้น และเพื่อนร่วมทีมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่เขาจะฝากความหวังเอาไว้กับนักเตะที่เก่งที่สุดของทีม
โรนัลโดและโปรตุเกสจึงเป็น All for One คือทุกคนทำเพื่อคนคนเดียว (เพราะเขาคือความหวังสูงสุด)
ขณะที่ลูกากูเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่อยู่ตรงข้ามด้วยวิธีคิดแบบ One for All เพราะแม้จะมีความเป็นศูนย์หน้าที่ไม่ชอบยอมแพ้ใครเหมือนกัน แต่ในวิธีการเล่นแล้วดาวยิงวัย 27 ปีจะเล่นเพื่อทีมมากกว่าแค่ตัวเอง
ลูกากูจะใช้ความสามารถของตัวเอง ทั้งความเร็ว ทักษะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งในการที่จะเล่นงานแนวรับของคู่ต่อสู้ให้น่วม ถ้าหากมีโอกาสที่เขาจะจบสกอร์ได้เองเขาไม่รีรอที่จะทำ แต่หากเขาจะเปิดโอกาสให้เพื่อนที่มีโอกาสดีกว่าได้เขาจะทำทันที
อย่างไรก็ดี ทั้งสองแนวทางไม่มีผิดหรือถูก
อยู่ที่ว่าใครจะพาทีมคว้าชัยชนะได้มากกว่าเท่านั้น
ไม่ใช่คู่ปรับแต่เป็นครู
หนึ่งในสิ่งที่เชื่อกันว่าทำให้ลูกากูพัฒนาตัวเองขึ้นอย่างมากในการเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้นในสีเสื้ออินเตอร์ มิลาน คือการที่เขาได้มีคู่แข่งเป็นสุดยอดนักเตะอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด
“พูดกันในฐานะส่วนตัวแล้ว ใช่” ลูกากูตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่อยากรู้ว่าการมาเล่นในเซเรีย อา โดยมีโรนัลโดเป็นคู่แข่งมีส่วนช่วยพัฒนาตัวเขาไหม
ทั้งนี้ แม้จะมีการเหน็บกลับว่า “เขาก็คงอยากได้พละกำลังแบบผมเหมือนกัน” แต่สำหรับลูกากูแล้วสิ่งที่โรนัลโดทำตลอดชีวิตการเล่น โดยเฉพาะการที่ยังรักษาสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้จนถึงเวลานี้นั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก
แต่ถ้าจะถามหาสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะเรียนรู้จากรุ่นพี่ที่จะเป็นคู่แข่งกันในเกมวันนี้มีเรื่องเดียว
“ในตอนที่ยูเวนตุสแพ้ปอร์โต ตกรอบแชมเปียนส์ลีก เสียงวิจารณ์ที่เขาต้องเจอนั้นทำให้ผมแทบไม่อยากเชื่อเลย แต่ในเกมต่อมาเขาก็ทำแฮตทริกได้
“มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากกับการที่ได้เห็นคนอายุเท่านี้ (36 ปี) เล่นในลีกเดียวกันและยังคงเล่นได้แบบนี้ มันทำให้ผมคิดว่าทำไมผมจะไปให้ถึงระดับของเขาบ้างไม่ได้ หรืออย่างน้อยให้ใกล้เคียงที่สุดก็ยังดี”
ขณะที่โรนัลโดแม้ว่าเขาจะไม่ได้นับลูกากูเป็นศัตรูคู่แข่งชั่วชีวิตเหมือน ลิโอเนล เมสซี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการก้าวขึ้นมาท้าทายของยักษ์ใหญ่จากเบลเยียมก็ช่วยให้เกิดความรู้สึกคึกคักขึ้นมาได้มาก
หาก CR7 คิดจะอยู่กับยูเวนตุสต่อและลูกากูยังยืนกรานไม่คิดจะย้ายไปไหน การต่อสู้ของทั้งสองน่าจะเร้าใจอย่างมากในฤดูกาลหน้า
แต่ตอนนี้ต้องมาวัดกันในเกมนี้ก่อน ใครแพ้ตกรอบทันที!
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.independent.co.uk/sport/football/cristiano-ronaldo-romelu-lukaku-euro-2020-b1872670.html
- https://theworldgame.sbs.com.au/he-d-like-to-have-my-power-lukaku-motivated-by-ronaldo-tussle
- https://www.vrt.be/vrtnws/en/2021/06/24/euro-2020-it-s-a-ronaldo-lukaku-clash/
- https://www.besoccer.com/new/lukaku-is-a-more-complete-player-than-cristiano-ronaldo-979581
- https://www.hindustantimes.com/sports/football/there-are-things-we-can-explore-portugal-coach-sees-weaknesses-in-belgium-team-at-euro-2020-101624633782992-amp.html
- https://www.theguardian.com/football/blog/2021/jun/26/roberto-martinez-belgium-portugal-euro-2020
ถ้าให้เลือกได้ ลูกากูบอกว่าเขาอยากจะเลี้ยงบอลและยิงบอลให้ได้แบบโรนัลโด
หากโรนัลโดยิงประตูได้ในเกมกับเบลเยียม เขาจะกลายเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลในทีมชาติ แซงหน้า อาลี ดาอี อดีตศูนย์หน้าทีมชาติอิหร่านเจ้าของสถิติเดิมที่ยิงเท่ากันอยู่ตอนนี้ที่ 109 ประตู