คริสเตียโน โรนัลโด และ แฮร์รี แม็กไกวร์ เป็นสองนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ถูกโจมตีมากที่สุดบน Twitter ตามผลสำรวจที่ได้รับการเปิดเผยออกมาล่าสุด
โดย Ofcom ได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์จากข้อความที่มีการทวีต 2.3 ล้านครั้งในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2021/22 ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2021 จนถึง 24 มกราคม 2022 และพบว่าในจำนวนนี้มีข้อความในเชิงโจมตีหรือเหยียดหยามเกือบถึง 60,000 ข้อความที่กระทบนักฟุตบอล 7 จาก 10 คนที่เล่นในลีกระดับสูงสุด
ครึ่งหนึ่งของข้อความนั้นพุ่งตรงไปที่นักฟุตบอลแค่ 12 คน โดย 8 คนในนั้นคือนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด โดยโรนัลโดได้รับข้อความมากที่สุดถึง 12,520 ทวีต รองลงมาคือ แฮร์รี แม็กไกวร์ 8,954 ทวีต ส่วนอันดับ 3 และ 4 ยังเป็นนักฟุตบอลจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน แฟร์นันด์ส ที่ได้รับ 2,557 และ 2,464 ทวีตตามลำดับ ต่อด้วย แฮร์รี เคน ในลำดับที่ 5 ที่ 2,127 ทวีต
ในรายงานยังระบุถึงช่วงพีคของข้อความเกลียดชังว่ามี 2 ช่วงด้วยกัน ครั้งแรกในวันที่ 27 สิงหาคม 2021 ในวันที่โรนัลโดตกลงย้ายกลับมาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง ที่มีการทวีตมากกว่าปกติถึง 3 เท่า รวม 188,759 ทวีต และมีข้อความเกลียดชัง 3,961 ทวีต ซึ่งคิดเป็น 2.3% ที่ยังถือว่าต่ำกว่าปกติ หรือพูดอีกนัยคือจำนวนผู้ติดตามของดาวยิงวัย 37 ปีที่มีมากถึง 98.4 ล้านคน ทำให้มีจำนวนข้อความมากตามไปด้วย
ส่วนช่วงพีคที่ 2 คือวันที่ 7 พฤศจิกายน 2021 หลังแม็กไกวร์ทวีตข้อความขอโทษแฟนๆ หลังทีมพ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาบ้าน 0-2 ที่มีข้อความโจมตีถึง 2,903 ข้อความ คิดเป็น 10.6% ของข้อความทั้งหมดในวันนั้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ในบรรดาข้อความที่มีการส่งถึงกองหลังกัปตันทีมปีศาจแดงนั้น มีการส่งข้อความเดียวกันถึง 69 ข้อความ จากผู้ใช้ที่แตกต่างกันในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาจากสถาบันอลัน ทัวริง พบว่าแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีความรับผิดชอบ “ผลสำรวจนี้คือการส่องแสงลงไปในด้านมืดของเกมที่งดงาม” เควิน บัคเฮิร์สต์ ผู้อำนวยการของ Ofcom กล่าว “การโจมตีบนโลกออนไลน์ไม่ควรมีอยู่ในเกมกีฬา และการจะจัดการกับมันจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือเป็นทีม”
ปัญหาการโจมตีนักฟุตบอลด้วยข้อความดูถูกเหยียดหยามไปจนถึงการเหยียดผิว ปัจจุบันถือเป็นภัยอย่างหนึ่งต่อสภาพจิตใจของนักฟุตบอล ซึ่งทางด้านรัฐบาลอังกฤษให้ความสำคัญกับการจัดการแก้ไขปัญหานี้ โดยเตรียมออกกฎหมายใหม่ที่จะทำให้ปลอดภัยขึ้นสำหรับผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ และยังสงวนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยกฎหมายใหม่จะนำมาใช้กับโซเชียลมีเดีย ระบบเสิร์ชเอนจิน และแพลตฟอร์มการส่งข้อความ
อ้างอิง: