วันนี้ (27 มกราคม) พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลจับขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับที่ขนแรงงานชาวโรฮีนจา 19 คน เข้ามาพักอาศัยย่านดอนเมือง เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และตรวจพบมีผู้ติดโรคโควิด-19 จำนวน 7 คน
จากการสอบสวนพบว่า แรงงานชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ เดินทางมาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา เข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนมาพักที่ย่านดอนเมือง โดยมีคนไทยและคนต่างชาติให้การช่วยเหลือและรับผลประโยชน์
พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ตำรวจขยายผลจนพบว่ากลุ่มนี้มี เจ๊ดา สัญชาติเมียนมา และ อุสเซ็น หรือ บาบู ซามิ สัญชาติเมียนมา ร่วมกับคนไทยและอดีตข้าราชการกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก, กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นราธิวาส และนครศรีธรรมราช
โดยบางส่วนเป็นห้องเช่าไว้ให้แรงงานข้ามชาติพักอาศัย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 7 คน ทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา หนึ่งในนั้น พบเป็นอดีตตำรวจที่เคยถูกจับและไล่ออกเมื่อปี 2555 ด้วย นอกจากนี้ ตำรวจยึดของกลาง รถยนต์ 5 คัน โทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคารจำนวนหนึ่ง และจะสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิด และเครือข่ายที่ยังหลบหนีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า เครือข่ายเจ๊ดา เป็นขบวนการใหญ่ที่สุดที่พบมีการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย ก่อนส่งตัวออกไปประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางภาคใต้ โดยพบเส้นทางการเงินหมุนเวียนในบัญชี 10-20 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่นอีกหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ระบุด้วยว่า ยังพบข้อมูลขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ส่วนใหญ่มาทางจังหวัดกาญจนบุรี จนเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เบื้องต้น พบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จำนวน 37 นาย มีทั้งเข้าข่ายถูกดำเนินการทางอาญา ทางวินัย และทางปกครอง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการกับตำรวจที่มีส่วนพัวพันกับขบวนการขนแรงงานต่างด้าว ตั้งแต่ปี 2558-2563 แบ่งเป็น ดำเนินคดีอาญา 6 นาย และดำเนินการทางวินัย 49 นาย
ส่วนอีกคดี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี จับชาวไทยและต่างชาติ รวม 111 คน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 89 ราย นักท่องเที่ยวคนไทยอีก 20 ราย เจ้าของร้านคนไทย 1 ราย และพนักงานคนไทย 1 ราย ได้ที่สถานบริการแห่งหนึ่ง ในอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดงานปาร์ตี้ ลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมดำเนินคดีทั้งเจ้าของร้านและผู้เข้าร่วมงาน ในข้อหากระทำการชุมนุม ทำกิจกรรมรวมคนที่มีความแออัดเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ประกาศ และมีคำสั่งเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง และฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์