KTC เผยว่าสภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัว ผู้บริโภคใช้จ่ายระมัดระวัง ส่งผลให้ภาพรวมของพอร์ตสินเชื่อ ‘ทรงตัว’ แม้การใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตเพิ่มขึ้น แต่เป็นการใช้จ่ายเพื่อสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ดันกำไรสุทธิเพิ่ม 2% ประเมินลูกหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่ยังสามารถจ่ายชำระขั้นต่ำที่ 8% ได้ มีเพียงลูกหนี้ส่วนน้อยที่ประสบปัญหา ตั้งสำรอง NPL Coverage Ratio ในระดับแข็งแกร่งที่ 363.3%
พิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว จากแรงกดดันของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังสะท้อนความเชื่อมั่นในเกณฑ์ดีติดต่อกันถึงเดือนมิถุนายน 2567 ทำให้การใช้จ่ายรวมของผู้บริโภคยังมีการเติบโตบ้าง
โดยภาพรวมของพอร์ตสินเชื่อ ‘ทรงตัว’ มีมูลค่าพอร์ตรวมเท่ากับ 105,803 ล้านบาท จำนวนสมาชิกเท่ากับ 3.45 ล้านบัญชี
ทั้งนี้ KTC มีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เทียบกับอุตสาหกรรมระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 เท่ากับ 14.9% และ 6.3% ตามลำดับ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เท่ากับ 12.8%
“ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ภาพรวมการดำเนินงานของ KTC และกลุ่มบริษัทอยู่ในระดับทรงตัว จากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง แม้ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตเพิ่มขึ้น แต่เป็นการใช้จ่ายเพื่อสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ขณะที่พอร์ตสินเชื่อบุคคลขยายตัวเพียงเล็กน้อย จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีสัดส่วนสูงขึ้น ประกอบกับเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่รัดกุม สำหรับคุณภาพพอร์ตของกลุ่มบริษัทยังบริหารจัดการได้ดี โดยมี NPL รวมต่ำกว่าอุตสาหกรรม และมีเงินสำรองเพียงพอโดยมี NPL Coverage Ratio ในระดับแข็งแกร่งที่ 363.3%” พิทยากล่าว
สำหรับกำไรสุทธิของ KTC เทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 ตามงบการเงินเฉพาะกิจการครึ่งปีแรก 2567 เท่ากับ 3,722 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.0%) และในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 1,829 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.3%)
โดยงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทครึ่งแรกของปี 2567 เท่ากับ 3,629 ล้านบาท (ลดลง 1.3%) และไตรมาส 2/67 เท่ากับ 1,826 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.1%) โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 6,781 ล้านบาท เติบโต 8.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 จากรายได้ค่าธรรมเนียมและหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% ส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณธุรกรรมที่ขยายตัว รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้น จากการตัดหนี้สูญและการตั้งสำรองเพิ่มตามหลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่ปรับขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน
ลูกหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่จ่ายชำระขั้นต่ำที่ 8% ได้
KTC ยังได้เสนอแนวทางต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยในครึ่งแรกของปี 2567 พบว่าลูกหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่ของบริษัทสามารถจ่ายชำระขั้นต่ำที่ 8% ได้ มีเพียงลูกหนี้ส่วนน้อยที่ประสบปัญหา
นอกจากนี้ยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาวในแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL) ดังนี้
- บัตรเครดิตสามารถเปลี่ยนเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อระยะยาวนาน 48 เดือน
- บัตรกดเงินสด ‘เคทีซี พราว’ (KTC PROUD) สามารถผ่อนผันการชำระหนี้เป็นระยะเวลา 60 เดือน
- สินเชื่ออเนกประสงค์ ‘เคทีซี แคช’ (KTC CASH) ปรับลดค่างวด 30% นาน 3 รอบบัญชีต่องวด
- สินเชื่อ ‘KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ สำหรับรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และรถบิ๊กไบค์ สามารถปรับลดค่างวด 30% นาน 3 รอบบัญชีต่องวด หรือขยายระยะเวลาผ่อนค่างวดเป็น 60 เดือน หรือ 72 เดือน หรือ 84 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่มาขอสินเชื่อ
ช่วยลูกหนี้ SPD กระทบรายได้ดอกเบี้ยจริง 1.3% ของที่เคยประมาณการ
สำหรับโครงการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Severe Persistent Debt: SPD) นั้นในไตรมาส 2/67 ซึ่งเป็นช่วงเวลา 3 เดือนแรกนับตั้งแต่เกณฑ์ SPD เริ่มมีผลบังคับใช้ มีลูกหนี้ KTC ที่สมัครเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ คิดเป็นผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยจริง 1.3% ของผลกระทบที่เคยประมาณการไว้ (18 ล้านบาทต่อเดือน) หากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการ”
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 KTC มีฐานสมาชิกรวม 3,448,530 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 105,803 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.2%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.97% แบ่งเป็น สมาชิกบัตรเครดิต 2,717,213 บัตร (เพิ่มขึ้น 4.3%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,253 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.9%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.42% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรสำหรับงวดไตรมาส 2/67 มูลค่า 70,949 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11.5%)
สมาชิกสินเชื่อบุคคล KTC 731,317 บัญชี (ลดลง 2.9%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 34,028 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.9%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.21%
โดยมียอดสินเชื่อ ‘KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ จำนวน 2,699 ล้านบาท (ขยายตัว 62.8%) ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 2,523 ล้านบาท (ลดลง 28.7%) ซึ่ง KTC ได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่