โอกาสของนักเขียนบทภาพยนตร์มาถึงแล้ว! เพราะตอนนี้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์กำลังเปิดรับข้อเสนอขอรับทุนเพื่อผลิตสื่อสร้างสรรค์ต่างๆ โดยหนึ่งในไฮไลต์ที่น่าจับตามองคือ ‘ทุนพัฒนาบทภาพยนตร์เชิงสร้างสรรค์’ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเขียนบทที่มีความตั้งใจจริง แต่ยังมีทุนไม่มากพอ ได้มีโอกาสพัฒนาผลงานของตัวเอง
เพื่อให้เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับทุนพัฒนาบทภาพยนตร์เชิงสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น THE STANDARD จึงอยากชวนไปพูดคุยกับ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ถึงคำนิยามของบทภาพยนตร์เชิงสร้างสรรค์ และสิ่งที่นักเขียนบทควรทำเพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสนี้
‘บทภาพยนตร์เชิงสร้างสรรค์’ หมายถึงอะไร
“ทุกประเด็นที่เป็นปัญหาของประเทศ และสามารถนำเสนอให้ผู้คนเห็นถึงปัญหาได้ ถือเป็นบทที่สร้างสรรค์ทั้งหมด”
ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เริ่มเล่าถึงนิยามของบทภาพยนตร์เชิงสร้างสรรค์ โดยมองว่านักเขียนบทสามารถเลือกถ่ายทอดปัญหาสังคมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน ความหลากหลายทางเพศ หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่สิ่งสำคัญคือวิธีการเล่าเรื่อง ต้องกระตุ้นให้สังคมคิดและตระหนัก โดยไม่เป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต
นอกจากนี้ ‘ความสร้างสรรค์’ ไม่ได้จำกัดเพียงประเด็นปัญหาสังคมเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการนำเสนอเรื่องราวของประเพณีและวัฒนธรรม ซึ่งแม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากตีความให้ลึกซึ้งและแปลกใหม่ ก็สามารถกลายเป็นบทที่สร้างสรรค์ได้เช่นกัน
ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ดร.ธนกร ยกตัวอย่าง White Tiger ภาพยนตร์อินเดียที่นำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำและโครงสร้างอำนาจในสังคมได้อย่างแยบยล ถ่ายทอดความไม่เท่าเทียมผ่านมุมมองของตัวละครเอก ที่พยายามดิ้นรนเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง ซึ่งเป็นตัวอย่างของบทภาพยนตร์ที่สะท้อนความเป็นจริง สร้างแรงกระเพื่อมทางความคิด และนำพาผู้ชมให้เข้าใจปัญหาในมิติที่ลึกขึ้น
แล้วบทภาพยนตร์แบบไหนที่จะเข้าตากองทุนฯ
“เรามองหาบทที่สามารถกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามและขบคิดต่อยอด โดยไม่มีความรุนแรงหรือภาษาหยาบคายเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่อง ยกเว้นมีความจำเป็นจริงๆ ตามบริบทของเนื้อหา”
ดร.ธนกร อธิบายถึงแนวทางของบทภาพยนตร์ที่กองทุนฯ ต้องการสนับสนุน โดยเน้นย้ำว่าต้องเป็นบทที่น่าสนใจ ให้สาระ และสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ชม
“ที่สำคัญคือต้องเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ตอกย้ำความเจ็บปวดของผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” ดร.ธนกร กล่าว
กระบวนการขอทุนพัฒนาบทภาพยนตร์เป็นอย่างไร
“เฟสแรกคืออยากเล่าเรื่องอะไร ไหนคุณลองเขียนมา”
ดร.ธนกร อธิบายถึงกระบวนการขอทุนภาพยนตร์ว่า แบ่งออกเป็นหลายเฟส โดยเฟสแรกจะเป็นการให้ทุนเพื่อพัฒนาบทภาพยนตร์
“เราเข้าใจดีว่าการเขียนบทให้ประสบความสำเร็จนั้น นักเขียนจะต้องทำการบ้านก่อน เช่น อยากจะเล่าเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง อาจจะต้องลงไปเป็นนักวิจัยภาคสนาม สังเกตการณ์พฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อถ่ายทอดออกมาให้สมจริงที่สุด”
“ดังนั้นในการยื่นข้อเสนอโครงการ (Proposal) ผู้ขอทุนต้องนำเสนอกระบวนการเขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งเมื่อได้รับการคัดเลือกแล้ว ผลผลิตจะออกมาเป็นบทภาพยนตร์และถูกรวมไปในตะกร้า เพื่อแข่งขันในการพิจารณาให้ทุนสร้างภาพยนตร์จริงในเฟสต่อไป” ดร.ธนกร กล่าว
จากการมอบทุนในปีที่ผ่านๆ มา เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการภาพยนตร์อย่างไรบ้าง
“มีภาพยนตร์ทรงพลังหลายเรื่องที่ได้รับการสนับสนุนทุนพัฒนาบทจนกลายเป็นผลงานที่ถูกสร้างขึ้นจริง แม้ไม่ได้ทำรายได้มากมาย แต่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคม และได้รับการพูดถึงในวงกว้างในฐานะผลงานที่มีคุณภาพและมีความหมาย”
ดร.ธนกร ฉายภาพโดยยกตัวอย่างภาพยนตร์อย่าง A Time To Fly บินล่าฝัน เรื่องราวของเด็กชายชาวเขาผู้มีพรสวรรค์ในการพับเครื่องบินกระดาษ แต่ต้องต่อสู้กับข้อจำกัดจากสถานะไร้สัญชาติ เพื่อคว้าโอกาสและพิสูจน์ตัวเองบนเวทีการแข่งขันระดับประเทศ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นสังคมอย่างลึกซึ้ง และเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม
มองโอกาสของภาพยนตร์ไทยในเวทีระดับโลกอย่างไร
“หากเราทำภาพยนตร์ไปเรื่อยๆ แล้วหวังว่าสักวันจะได้เจอกับช้างเผือก อย่างเรื่อง หลานม่า คงเป็นเรื่องยาก”
ดร.ธนกร ยอมรับว่า ปัจจุบันมีนักเขียนบทฝีมือดีมากมาย ภาพยนตร์หลายเรื่องสามารถไปสู่ระดับนานาชาติได้ แต่หากปล่อยให้วงการภาพยนตร์ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ โดยไร้การสนับสนุนที่เป็นระบบ โอกาสที่จะเกิดภาพยนตร์ไทยที่โดดเด่นในระดับโลกก็คงมีไม่มาก
อย่างไรก็ตาม นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ปัจจุบันภาครัฐให้ความสำคัญกับ Soft Power มากขึ้น มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติที่สนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยเฉพาะ โดยหวังว่าหากในอนาคตมีการสนับสนุนนักเขียนบทอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องมากขึ้น ภาพยนตร์ไทยจะไปไกลกว่านี้อย่างแน่นอน
อยากฝากอะไรถึงผู้ที่กำลังจะนำเสนอโครงการเพื่อขอรับทุน
“อยากให้นักเขียนบททำการบ้านให้หนัก ลงรายละเอียดให้ชัดเจน และถ่ายทอดโครงการออกมาด้วยความตั้งใจจริง โดยสามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่เล่าต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม
นอกจากนี้ ดร.ธนกร ยังฝากถึงผู้ที่กำลังจะนำเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนเพิ่มเติมว่า การเขียนบทไม่ใช่แค่การสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติของสังคมและมนุษย์อย่างลึกซึ้ง หากต้องการเล่าเรื่องราวของในระดับท้องถิ่น (Local) ก็ควรทำให้เข้าถึงและเชื่อมโยงกับผู้คนในระดับสากล (Global) ได้ ในขณะเดียวกัน หากเล่าเรื่องราวที่เป็นสากล ก็ควรให้มีรากฐานที่หยั่งลึกในรายละเอียดของท้องถิ่น เพื่อให้เรื่องราวมีน้ำหนักและจับต้องได้จริง
“แน่นอนว่าการขอทุนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราเห็นว่าคนที่มีความตั้งใจจริงเขาพัฒนาตัวเองตลอดเวลา นำเสนอโครงการอย่างรัดกุมและน่าสนใจมากขึ้น ในที่สุดก็ได้”
ในตอนท้าย ดร.ธนกร ทิ้งท้ายด้วยความหวังว่า “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พร้อมเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร ให้กับนักเขียนบทที่ตั้งใจจริง เราเชื่อว่าคนไทยเก่งและมีความสามารถ ในอนาคตเรามองว่าการสนับสนุนนักเขียนบทจะนำไปสู่การยกระดับวงการภาพยนตร์ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับประเทศได้”
ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดรับข้อเสนอการสนับสนุนจากกองทุนประจำปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2568 โดยแบ่งการให้ทุนออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ทุนประเภทเปิดรับทั่วไป (Open Grant) วงเงินไม่เกิน 90,000,000 บาท (เก้าสิบล้านบาทถ้วน)
- ทุนประเภทเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) วงเงินไม่เกิน 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน)
- ทุนประเภทความร่วมมือ (Collaborative Grant) วงเงินไม่เกิน 40,000,000 บาท (สี่สิบล้านบาทถ้วน)
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaimediafund.or.th/