ปีที่แล้วต้องยอมรับว่ากระแสของเทรนด์ผิวช่างเป็นอะไรที่มาแรงสุดๆ โดยเฉพาะเทรนด์ Glass Skin ผิวใสดั่งกระจกที่โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ และต้นกำเนิดเทรนด์งานผิวเหล่านี้ก็มาจากฝั่งเอเชียของเราอย่างประเทศเกาหลีใต้นั่นเอง ล่าสุดสื่อความงามหัวนอกมากมาย อาทิ Refinery29, Popsugar, Procoal ของอังกฤษ, Nylon หรือแม้แต่บริษัทความงามอย่าง Loreal Paris สหรัฐอเมริกา ต่างก็มีการรายงานข่าวอัปเดตถึงเทรนด์ใหม่จากแดนโสม ที่เรียกว่าเทรนด์ Cream Skin กันอย่างเป็นวงกว้าง THE STANDARD POP ไม่ยอมให้คุณผู้อ่านของเราตกเทรนด์อยู่แล้ว ดังนั้นเราจะพาไปส่องจุดเด่นและทำความรู้จักกับเทรนด์ใหม่ Cream Skin นี้ไปด้วยกัน
เทรนด์ผิวแบบ Cream Skin คืออะไร
Charlotte Cho ผู้ร่วมก่อตั้ง Soko Glam ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ความงามของประเทศเกาหลีใต้ และได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมสำคัญระดับท็อปในการสร้างปรากฏการณ์ K-Beauty ให้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยเธออธิบายเกี่ยวกับเทรนด์ผิว Cream Skin เอาไว้ว่า
“เทรนด์ผิว Cream Skin นั้นเป็นทั้งแนวคิดและสื่อถึงรูปลักษณ์ของผิวที่คนเราสามารถทำได้ง่ายกว่าเทรนด์ Glass Skin เพราะสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว เช่น ไอเท็มบำรุงผิวที่เป็นลูกผสมระหว่างโทนเนอร์และครีมบำรุงผิว ซึ่งตอนนี้สาวๆ เกาหลีคลั่งไคล้การดูแลผิวแบบนี้มาก เพราะทำให้ผิวคงความชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ผิวจะนุ่มชุ่มชื้นและมีความอ่อนนุ่มแทน”
ทางด้าน Lisa de-la-Plain ผู้ก่อตั้ง Beauty Flash บอกว่า “เทรนด์ผิวแบบเดิมคือ Glass Skin จะเน้นไปที่ Routine การดูแลผิวที่ทำให้ผิวใสกระจ่าง โดยใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวรวมกัน แต่เทรนด์ผิวใหม่ Cream Skin นั้นได้แรงบันดาลใจจากเทรนด์ที่ต้องการลดขั้นตอนหรือสเตปที่มากมายในการดูแลผิวให้สั้นและรวดเร็วขึ้น โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมความอ่อนนุ่มให้ผิวจากประโยชน์ของโทนเนอร์ที่ผสมผสานกับประโยชน์ของมอยส์เจอไรเซอร์เข้าด้วยกัน”
รู้จักไอเท็มยอดนิยมของ Cream Skin
ทางด้าน Mark Choo ผู้อำนวยด้านการวิจัยของบริษัท Amorepacific ประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการลดความยุ่งยากในการดูแลผิว โดยที่ไม่เสียประโยชน์จาก 10 ขั้นตอนในการดูแลผิวที่เคยเป็น Routine ของทุกคน นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความคิดที่จะรวมขั้นตอนการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว จนนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ผิวเหล่านี้อย่าง โทนเนอร์และมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งบริษัทของเราก็มีแบรนด์ Laneige ที่เปิดตัว Cream Skin Toner & Moisturizer ไปแล้ว โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวผ่านเนื้อสัมผัสที่บางเบาและสดชื่น ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับ Routine ของทุกคนได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม ชิ้นเดียวเอาอยู่ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพผิว เพราะผลิตมาให้เหมาะกับทุกสภาพผิว”
We Say: สรุปว่าเทรนด์ผิว Cream Skin นั้นเป็นเทรนด์ที่เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่มาจากการลดขั้นตอนดูแลผิวที่ยุ่งยากแบบเดิมๆ ให้สะดวกและง่ายขึ้น โดยที่ผลลัพธ์ของผิวที่ได้นั้นไม่แตกต่างจากการบำรุง 10 ขั้นตอนตามสไตล์การใช้สกินแคร์ของสาวเกาหลีทั่วไป โดยไอเท็มหลักๆ ที่ยืนหนึ่งในการสร้างงานผิวแบบ Cream Skin ตอนนี้ในประเทศเกาหลีมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาโทนเนอร์และมอยส์เจอไรเซอร์ไว้ในขวดเดียวกัน จนเป็นไอเท็มไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด แต่ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทโทนเนอร์หรือมอยส์เจอไรเซอร์เท่านั้นที่ใช้ได้ เพราะหลักการของผิวแบบ Cream Skin คือการรักษาความชุ่มชื้นของผิวโดยไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ต้องเลเยอร์สกินแคร์หลายๆ สเตป ถ้าคุณมีเซรั่มที่ตอบโจทย์เรื่องการเติมน้ำให้ผิวก็ใช้ได้ ถ้าคุณมีอิมัลชันที่ทาแล้วรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มก็ใช้ได้ ซึ่งการจะเห็นผลนั้นต้องใจเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่เปลี่ยนสกินแคร์บ่อยๆ ประมาณ 1 เดือนก็จะเริ่มเห็นผลของผิวใส ชุ่มชื้น และนุ่มนวลแบบ Cream Skin ได้แล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: