วันนี้ (3 กรกฎาคม) การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งมีผู้ร่วมรายการคือ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์
โดยในช่วงการตอบคำถาม สื่อมวลชนมีคำถามดังนี้ต่อประเด็น 5 ปัจจัยที่ นพ.สมศักดิ์ ได้กล่าวถึง ได้แก่ นโยบายที่ชัดเจน, ประชาชนให้ความร่วมมือ, ระบบการควบคุมโรคดี, ระบบรักษาพยาบาลเข้มแข็ง และการฉีดวัคซีนครอบคลุม ทางสาธารณสุขเป็นห่วงปัจจัยใดมากที่สุด
นพ.สมศักดิ์ ได้แจ้งว่า ต่อประเด็นการควบคุมโรคโควิดที่เราต่อสู้มากว่า 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง บางช่วงบางจังหวะอาจจะมีการหย่อนในบางมาตรการ จึงเห็นควรวิเคราะห์ ทั้ง 5 มาตรการและร่วมมือกัน เริ่มจากวิเคราะห์นโยบายรัฐบาล การดำเนินการเพื่อการควบคุมโรค มาตรการตั้งแต่บุคคล ชุมชนต้องเข้มแข็ง การรักษาพยาบาล ก็เช่นกัน มีกรณีที่เกิดขึ้น อาทิ มีผู้หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ ก็มีปัญหาจากการรับคนไข้ที่เป็นโรงพยาบาลต่างจากที่ฝากครรภ์ การดูแลจึงมีปัญหา
สำหรับประเด็นเรื่อง Home Isolation นพ.สมศักดิ์ ได้ตอบว่า หากไม่จำเป็นไม่ต้องการดำเนินการนี้ ทั้งนี้ด้วยความจำเป็น มีการเตรียมการเรื่อง Home Isolation มาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 โดยช่วงทดลองที่โรงพยาบาลราชวิถี พบว่าประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก จึงได้ทำต่อเนื่องมาที่ Community Isolation มี NGO มาร่วมช่วยในการดำเนินการ และน้องๆ สตาร์ทอัพที่พร้อมช่วยร่วมดูแล ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี โปร่งใส และได้ร่วมมือกัน
สำหรับคำถามเกี่ยวกับระบบสาธารณสุขของไทย นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งนี้ต้องตั้งคำถามว่า การล่มสลายของระบบสาธารณสุขคืออะไร เตียงไม่พอยังไม่ใช่ล่มสลาย เพราะยังมีการดูแลคนไข้ ฉะนั้นคำว่าล่มสลายของสาธารณสุขคืออะไร เราต้องร่วมมือกันปรับปรุงการทำงานกันไป ดังนั้นจึงต้องเป็นคำถามว่า ตัวเราเองจะร่วมคงไว้ซึ่งระบบสาธารณสุขไทยได้ไหม ถ้า 5 มาตรการที่ได้กล่าวไปดีขึ้นและทุกคนร่วมมือ ระบบสาธารณสุขไม่มีวันล่มสลาย
“ในส่วนของเรื่องวัคซีน วัคซีนทางเลือกที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 จนถึงต้นปีหน้าจะสามารถทำให้เข้ามาเร็วกว่านี้ได้หรือไม่นั้น องค์การเภสัชกรรมระบุว่า ดีมานด์และซัพพลายของทั่วโลกจากการรวบรวมของ UNICEF (องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ) ในปี 2564 ความต้องการวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 11,540 ล้านโดส โดยเฉพาะของ Moderna ยอดจองล่วงหน้าอยู่ที่ 2,000 ล้านโดส ขณะที่ซัพพลาย หรือปริมาณวัคซีนที่ผลิตได้ทั้งโลกอยู่ที่ 9,000 ล้านโดส องค์การเภสัชกรรมไม่ได้ย่อท้อและนิ่งนอนใจ แม้จะมีการถูกปฏิเสธมาแล้ว ก็พยายามต่อรอง ทุกวันนี้ได้มีการพูดคุยกันทุกสัปดาห์ อีกทั้งผู้บังคับบัญชาและทางรัฐบาลเอง ก็ให้ความช่วยเหลือติดต่อทางสถานเอกอัครราชทูตร่วมด้วย” นพ.สมศักดิ์ กล่าวในที่สุด