เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ได้ประกาศเปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหารภายใต้แบรนด์ GO Wholesale โดยตั้งเป้าเปิด 4 สาขาใน 4Q66 สร้างรายได้ 500 ล้านบาทในปี 2566 และขยายสาขาให้ได้ 40-45 สาขาภายในปี 2571 พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ 6-7 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี InnovestX Research มองว่าตลาดกังวลเกี่ยวกับร้านค้ารูปแบบใหม่ของ CRC มากเกินไป ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ประการแรก คาดว่าผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจะอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ในระยะกลาง โดยใช้สมมติฐานการขยายสาขาร้าน GO Wholesale ในระดับปานกลางท่ามกลางตลาดขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป้ารายได้ของ GO Wholesale ที่ 500 ล้านบาทในปี 2566 และ 6-7 หมื่นล้านบาทในปี 2571 คิดเป็น 0.02% และ 2.5% ของมูลค่าตลาดค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคแบบ B2B ของประเทศไทยที่ 2.6 ล้านล้านบาท (เติบโต 5% ต่อปี)
ในขณะเดียวกันการตั้งเป้ามีร้าน GO Wholesale 40-45 สาขา ในปี 2571 ดูค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นต้องใช้เวลาในการปรับธุรกิจก่อนที่จะหันมาขยายสาขาร้านค้ารูปแบบใหม่เชิงรุกมากขึ้น
ประการที่สอง คาดว่าผลกระทบต่อกำไรปี 2566 ของ CRC จะมีจำกัด เนื่องจากบริษัทจะเปิดสาขาเพียง 4 สาขาใน 4Q66 ขณะที่ในปี 2567 ประเมินว่าขาดทุนจากร้าน GO Wholesale (ถ้ามี) จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของกำไรของ CRC เป็นตัวเลขเพียงหลักเดียว โดยใช้สมมติฐานว่าขาดทุนจากร้าน GO Wholesale จะต่ำกว่าขาดทุนจากการขยายสาขาร้านค้าส่งรูปแบบ Cash & Carry ของ CPAXT ไปยังกัมพูชา อินเดีย เมียนมา (ประเมินได้ที่ 100-200 ล้านบาทต่อสาขาต่อปีในช่วง 2-3 ปีแรก) เพราะร้าน GO Wholesale จะได้รับการสนับสนุนจากพลังเครือข่ายของ Central Group ที่ประกอบไปด้วยซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหาร และ Loyalty Platform
สำหรับยอดขายสาขา (SSS) ใน 3Q66TD ของ CRC คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY (เทียบกับ 3%YoY ใน 2Q66) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โดยเกิดจาก
- การเติบโตของยอดขายที่ชะลอตัวลงในประเทศอิตาลี (6% ของยอดขาย) ในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูง YoY (เทียบกับ 26%YoY ใน 2Q66) จากฐานปกติของปีก่อน และในประเทศไทย (71% ของยอดขาย) ในอัตราเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY (เทียบกับ 5%YoY ใน 2Q66) จาก Sentiment ในการจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอ สืบเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ
- ยอดขายที่หดตัวลงมากขึ้นในประเทศเวียดนาม (23% ของยอดขาย) ที่ระดับ Mid-teen YoY (เทียบกับ 11%YoY ใน 2Q66) โดย SSS หดตัวในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูง YoY ในกลุ่มฟู้ด และ 30%YoY ในกลุ่มฮาร์ดไลน์ (เทียบกับ -8%YoY และ -23%YoY ใน 2Q66) จากภาวะเศรษฐกิจชะลอ และผลกระทบเชิงลบ 4%YoY จากการแปลงสกุลเงินจาก VND เป็น THB
ขณะที่ใน 4Q66 คาดว่า SSS Growth จะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากในประเทศไทยจาก Sentiment ในการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นพร้อมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ จากรัฐบาลใหม่ และในประเทศเวียดนามจากการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นหลังจากประเทศเวียดนามลด VAT ลงจาก 10% สู่ 8% จนถึงเดือนธันวาคม และการคาดการณ์ของเราเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่ลดน้อยลง YoY จากการแปลงสกุลเงินจาก VND เป็น THB ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CRC ปรับเพิ่มขึ้น 0.64%MoM สู่ระดับ 39.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.74%MoM สู่ระดับ 1,507.90 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ราคาหุ้น CRC ปรับตัวลดลง 5% หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวร้านค้ารูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ GO Wholesale เมื่อวันที่ 14 กันยายน สะท้อนความกังวลของตลาดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมองว่า 1. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจะอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการ เมื่อพิจารณาจากการขยายสาขาในระดับปานกลางท่ามกลางอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และ 2. ผลกระทบในปี 2566 จะมีจำกัด และผลกระทบต่อการเติบโตของกำไรในปี 2567 (ถ้ามี) จะคิดเป็นตัวเลขหลักเดียว โดยเกิดจากขาดทุนของร้านค้ารูปแบบใหม่
สำหรับผลประกอบการใน 3Q66 คาดว่ากำไรปกติจะสะดุดลง โดยจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากการเติบโตของยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ชะลอตัวท่ามกลางอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายระดับสูง จากนั้นจะฟื้นตัวสู่ระดับที่ดีที่สุดของปีนี้ใน 4Q66 จากปัจจัยฤดูกาล ยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ดีขึ้น และค่าไฟฟ้าที่ลดลง โดยยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 48 บาทต่อหุ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายของรัฐบาลใหม่