เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%YoY และ 182%QoQ หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากการขายสินทรัพย์จำนวน 626 ล้านบาทออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%YoY และ 108%QoQ สูงกว่าการคาดการณ์
โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่ง กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY ได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ CRC ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2565 อยู่ที่ 0.48 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 8 พฤษภาคม)
รายการที่สำคัญในผลประกอบการ 4Q65 ดังนี้
- ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 10%YoY โดยเกิดจาก SSS ที่เติบโต พื้นที่ขายสุทธิ (NSA) ที่เพิ่มขึ้นจากสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขา และยอดขายผ่าน Omni-Channel ที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 3%YoY ยอดขายผ่าน Omni-Channel คิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดขายรวม ณ สิ้นปี 2565) SSS (ค่าเฉลี่ยอย่างง่ายจำแนกตามประเภทธุรกิจ) เติบโต 8%YoY (เทียบกับเพิ่มขึ้น 10% ใน 4Q64 และ 44%YoY ใน 3Q65) จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ SSS เติบโต 14%YoY ในธุรกิจแฟชั่น (26% ของยอดขาย) 17%YoY ในธุรกิจฟู้ด (40% ของยอดขาย) แต่ลดลง 8%YoY ในธุรกิจฮาร์ดไลน์ (34% ของยอดขาย) จากฐานสูงใน 4Q64 ของยอดขายที่ PowerBuy และ Nguyen Kim หลังจากยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
- รายได้จากการให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น 37%YoY อันเป็นผลมาจากพื้นที่ให้เช่าสุทธิ (NLA) ที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์การค้าใหม่ การให้ส่วนลดค่าเช่าลดลงสู่เลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง YoY จากอัตราค่าเช่าตามสัญญา และอัตราการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นสู่ 89% ใน 4Q65 (เทียบกับ 86.5% ใน 4Q64)
- อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 250bps YoY สู่ 29.3% อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 210bps YoY สู่ 27.6% จากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น เพราะยอดขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นที่ดีขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจแฟชั่น และส่วนหนึ่งเกิดจากธุรกิจฟู้ดและธุรกิจฮาร์ดไลน์ อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น 320bps สู่ 74% เพราะรายได้สูงขึ้น
- ค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายเพิ่มขึ้น 210bps YoY สู่ 31% เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 19%YoY) จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการขยายสาขาที่สูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าสาธารณูปโภคที่มากขึ้น
- ส่วนแบ่งกำไรเติบโต 100%YoY สู่ 309 ล้านบาท โดยเกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Gucci (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของส่วนแบ่งกำไร) MUJI, Watsons และ Samsonite
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (1 มีนาคม) ราคาหุ้น CRC ปรับเพิ่มขึ้น 1.12%DoD สู่ระดับ 45.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.23%DoD สู่ระดับ 1,626.16 จุด (ณ 12.30 น.)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:
ใน 1Q66TD ยอดขายสาขา (SSS) เติบโตในระดับ Low Teen YoY โดยเพิ่มขึ้น 15%YoY ในประเทศไทย (โครงการช้อปดีมีคืนช่วยหนุนให้ SSS เติบโต 2-3%) เพิ่มขึ้นสูงกว่า 30%YoY ในอิตาลี แต่ลดลง 2%YoY ในเวียดนาม (ผลกระทบของปฏิทินสำหรับวันตรุษจีน และผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนจากการแปลงเงินดองเวียดนามเป็นบาทไทย)
เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ SSS เติบโตสูงกว่า 20%YoY ในธุรกิจแฟชั่น 5-7%YoY ในธุรกิจฟู้ด แต่ทรงตัว YoY ในธุรกิจฮาร์ดไลน์
อย่างไรก็ดี กำไรปกติ 4Q65 ที่เติบโตเด่นและสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรสูงกว่าคาด ดังนั้น InnovestX Research จึงปรับประมาณการปี 2566 เพิ่มขึ้น 3% สู่ 8.5 พันล้านบาท หรือจะเติบโต 19%YoY และคาดว่ากำไร 1Q66 จะเติบโต YoY จากยอดขายปลีก รายได้จากการให้เช่า และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล โดยให้กลยุทธ์การลงทุนที่เรตติ้ง Outperform สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 52 บาทต่อหุ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นจีน – ฮ่องกง ดีดรับตัวเลข PMI สูงสุดรอบเกือบ 11 ปี นักวิเคราะห์คาดแรงเทขายสิ้นสุดลงแล้ว
- รีวิว ‘มาตรการกำกับ’ ฉบับเข้มข้น พบ 3 หุ้น ‘BGT, JTS และ TEAMG’ เข้าระดับ 3 ในปีนี้
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศหุ้นเข้า SET50-SET100 รอบเดือน ม.ค.-มิ.ย. ปี 66