ปกติค่ำคืนสุดสัปดาห์แบบนี้เราคงไม่ได้มานั่งจรดแป้นพิมพ์เล่าเรื่องอะไรอยู่ตรงนี้ เพราะว่าต้องรีบไปรีเฟรชหน้าจอ Netflix เพื่อรอเจอหน้าสหายผู้กองใน Crash Landing on You ตอนล่าสุด แต่ว่ามันไม่เหมือนอาทิตย์ก่อนๆ ที่ผ่านมา เพราะซีรีส์เพิ่งจะอำลาจอไปหมาดๆ แล้วทีนี้เราก็คงต้องรีบลอยคอไปหาท่อนไม้ความบันเทิงเรื่องใหม่ ก่อนชีวิตจะจมดิ่งลงไปกับสภาพสังคมรอบตัวตอนนี้
เมื่อซีรีส์จบไป เรามาใช้เวลานั่งนึกย้อนเรื่องราวแสนอิ่มเอมนี้ว่า ยังมีแง่มุมไหนอีกหรือเปล่าที่เรายังมองไม่เห็นมัน เพราะถึงแม้ซีรีส์เรื่อง Crash Landing on You จะทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับมันได้อย่างที่สุด แต่เมื่อสังเกตดีๆ แล้ว เรากลับสัมผัสได้ถึงส่วนเปราะบางของตัวละครหลักที่เผยออกมาทีละนิดละหน่อย จนเราอาจเผลอลืมไปว่า พวกเขาไม่ใช่ตัวละครที่บังเอิญมารักกัน หรือแค่เพียงสถานการณ์พาไปเหมือนหยิบวาง
ภายใต้ความโรแมนติกที่ถูกฉาบเคลือบอย่างแสนหวาน เหตุผลที่พวกเขารู้สึกรักกันมากมาย ในสถานการณ์ที่จวนตัวขนาดนั้น อาจเป็นเพราะพวกเขา ตัวละครทั้งสี่ตัวหลัก ยุนเซรี รีจองฮยอก กูซึงจุน และ ซอดัน ต่างไม่เคยได้รับความรักอย่างที่พวกเขาต้องการต่างหาก และการพานพบมาเจอกัน เหมือนว่าพวกเขาหากันจนเจอ เติมเต็ม และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันโดยไม่รู้ตัว
*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์
Photo: tvN Drama
ทางที่เลือกแล้วของยุนเซรี
เครื่องสำอาง เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ชุดออกกำลังกาย ชุดโดดร่มภายใต้แบรนด์ Seri’s Choice ดูจะเป็นทางเลือกที่ประชากรในเกาหลีใต้หรือแม้แต่ในเกาหลีเหนือเองที่ตลาดขายของจากประเทศเพื่อนบ้านข้างล่าง ดูจะนิยมชมชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือการประโคมคำโปรยที่ว่า ‘ยอดขายอันดับ 1’ ที่ส่งให้ตัวละครอย่าง ยุนเซรี (รับบทโดย ซนเยจิน) กลายเป็นนักธุรกิจหญิงคนเก่งของประเทศ รวบติดอันดับอีลิตแถวหน้าของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้คือ Seri’s Choice ที่หมายถึงตัวเลือกของ ยุนเซรี ที่เลือกให้กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง และเธอก็เป็นผู้หญิงเก่งในสายตาผู้ชม
แต่ Seri’s Choice ที่แท้จริงคืออะไร? ท่ามกลางความสวยสง่าของเธอ ความเฉลียวฉลาด หรือความสามารถในการวิ่งเร็ว สิ่งที่ ยุนเซรี ได้เลือกแล้วคือ เธอเลือกไม่มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวที่เธอมองว่า จอมปลอม เพราะในอดีตเธอคือเด็กหญิงที่ถูกแม่ทิ้งให้นอนหนาวเหน็บบนพื้นทราย เพียงแค่เพราะคำพูดที่ว่า “รอตรงนี้นะ” และความไร้เดียงสา ยุนเซรี ก็รอแม่เธออยู่ตรงนั้นจนเกือบจะสิ้นใจ และสิ่งนั้นทำให้กลายเป็นปมฝังใจระหว่างเธอ แม่ และครอบครัวของเธอ
ความทรงจำอันปวดร้าวนี้แหละที่ทำให้ ยุนเซรี เลือก ‘หนทาง’ ของตัวเอง สร้างบริษัทของตัวเอง เดินตามหนทางของตัวเองจนประสบความสำเร็จ โดยปลีกวิเวกออกมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ ที่เธอไม่เคยได้รับความรักที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นการยืนยันว่า เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนี้
ดร.เทอร์รี เอปเตอร์ นักเขียนและนักจิตวิทยาจาก Newnham College ในเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร เคยเขียนบทความที่ชื่อว่า ‘Becoming an ‘Orphan,’ by Choice’ หรือการเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างกำพร้าของมนุษย์ไว้ว่า พฤติกรรมที่คนคนหนึ่งลุกขึ้นมา และทำตัวเหินห่าง ไร้เยื่อใย หรือไม่นับว่าครอบครัวเป็นครอบครัว เหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจแบบนี้ เพราะมันเกิดจากการถูกทำร้ายในวัยเด็ก ในที่นี้อาจเป็นการทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจก็ได้ และการได้ออกไปใช้ชีวิตสันโดษคือ การที่พวกเขาจะรู้สึกได้รับการปกป้องจากครอบครัวที่พวกเขาไม่พึงใจ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะปิดประตูความสัมพันธ์กับครอบครัวแบบปิดตายไปเลยนะ เพราะกลุ่มคนที่เลือกที่จะใช้ชีวิตเช่นนี้ พวกเขาหวังว่า วันหนึ่งสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ผู้ปกครองหรือคนในบ้านจะหันมาฟังเขามากขึ้น
ฉะนั้น สิ่งที่ ยุนเซรี กำลังทำกับครอบครัวของเธอตั้งแต่ต้นเรื่อง มันคือสิ่งที่เธอกำลังพยายามปกป้องตัวเองไม่ให้สูญเสียตัวตนและความรู้สึกไปมากกว่านี้ จากความโดดเดี่ยวที่เธอต้องพบในอดีต แม้ว่าห้วงหนึ่งขณะที่เธอตัดสินใจจะปลิดชีพตัวเองที่สวิตเซอร์แลนด์ เธอยังจะอุตส่าห์ฝากข้อความถึงครอบครัวของเธอไว้ว่า “คิดถึงหนูบ้าง และอย่าใช้ชีวิตให้มีความสุขกันมาก” มันหมายความว่า แม้สุดท้ายเธอจะรู้สึกว่า เธอไม่มีที่พึ่งพิงที่ไหนแล้ว ครอบครัวก็คงเป็นสิ่งแรกๆ ที่เธออาจระลึกถึง แม้ไม่ใช่ในแง่ที่สวยงามก็ตาม
Photo: tvN Drama
กำพร้าความรักและความหวัง
กูซึงจุน (รับบทโดย คิมจองฮยอน) คือตัวละครอีกตัวที่สำคัญมากกับเรื่องราวนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงหนึ่งตัวเดินเรื่องที่มีส่วนช่วยและทำลายตัวละครอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ก็ล้วนมาจากพฤติกรรมและสถานการณ์ในอดีตที่ส่งผลกระทบกับจิตใจเขา จริงๆ แล้วทั้ง กูซึงจุน และ ยุนเซรี อาจตกอยู่ในสภาวะเดียวกันคือ การเป็น ‘เด็กกำพร้า’ ที่ฝ่าย ยุนเซรี อาจจะเกิดขึ้นโดยความตั้งใจของตัวเอง แต่กับ กูซึงจุน นั้นไม่ใช่…
พ่อของเขาถูกโกงและฆ่าตัวตาย แม่ไปมีสามีใหม่อยู่ที่ต่างแดน และต้องเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว และเกราะป้องกันความอ่อนแอในใจที่ชัดเจนที่สุดคือ การแสดงออกที่เจ้าเล่ห์ คมคาย และไม่น่าไว้ใจ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นสิ่งสร้างที่ กูซึงจุน นำมาเป็นกำแพง เพื่อป้องกันตัวเองออกจากความกลัว ความเหงา และชีวิตอันแสนเศร้าของเขา ทั้งชีวิตของ กูซึงจุน เขาจึงรักแต่ตัวเอง เพราะไม่มีใครให้เขารัก หรือรักเขาอย่างไรล่ะ
แต่ไฟของความรักของเขาก็ค่อยๆ สว่างไสวขึ้นอีกครั้ง กับการมาถึงของ ซอดัน (รับบทโดย ซอจีฮเย) ผู้หญิงสุดเปรี้ยวจากเปียงยางที่เข้ามาช่วยเหลือและโอบอุ้มความรู้สึกของเขา แม้ในครั้งแรกเธอจะรู้จักเขาในฐานะลูกทูต คาแรกเตอร์ปลอมๆ ที่เขาสวมบทบาทหลอกคนอื่นอยู่ แต่เมื่อมันถึงจุดที่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนจริงๆ ออกมา ก็คล้ายเป็นความหวังใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา เมื่อเขายอมเปิดเผยชีวิตจริงๆ ของเขาให้ ซอดัน ได้เห็น ‘ความจริง’ ที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนนี้จะมีให้เธอ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะความไว้ใจและความเชื่อใจที่ก่อตัวขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสอง
นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมเมื่อตัวละครอย่าง กูซึงจุน และ ซอดัน เริ่มรักกัน แล้วผู้ชมอย่างเราๆ ก็รู้สึกเชียร์ ไม่ใช่เพราะอยากให้ ซอดัน เลิกยุ่งกับสหายผู้กองหรอก แต่เราอยากให้ทั้งคู่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกและความรักดีๆ ที่มีต่อกันจริงๆ ต่างหาก และอยากให้คนที่ทำอะไรเพื่อตัวเองมาตลอดอย่าง กูซึงจุน ได้ลองทำอะไรดีๆ ให้คนอื่นบ้าง
หนึ่งฉากที่กะเทาะเปลือกตัวละครนี้จนไม่เหลือชิ้นดี คือฉากที่ กูซึงจุน พยายามหลบเร้นจากกองกำลังจากกระทรวงความมั่นคงที่ตลาด และประจวบเหมาะกับที่พบกับกลุ่มเด็กกำพร้าที่เดินมาวิงวอนขออาหารและเงิน พร้อมกับร้องถ้อยเพลงพอจะจับใจความได้ว่า “ฉันมันเด็กกำพร้า หากแม้ฉันตาย ก็คงไม่มีใครสนใจ” แค่เพียงไม่กี่วินาทีในฉากนั้น เรากลับเห็นใจตัวละครนี้ขึ้นมาอย่างมาก เรากลับไม่ได้สงสารเขาที่เขาเป็นเด็กกำพร้า แต่เรากลับสงสารเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่อาจตายจากโลกนี้ไปโดยไร้รัก และไม่มีใครจดจำเขาเลยก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างน้อยๆ ก่อนที่ กูซึงจุน จะหลับตาและหายไป เขาก็ดีใจที่คนอย่าง ซอดัน ร้องไห้เมื่อจะสูญเสียเขาไป จนเกิดประโยคสุดซึ้งที่ว่า “ผมคิดผิดไป ตอนผมตาย มีคนร้องไห้ให้ผมด้วย คนคนนั้นคือคุณเหรอเนี่ย”
Photo: tvN Drama
รักเดียวที่ต้องการ คือการทำเพื่อใครสักคน
ถ้าแม้โลกทั้งโลกของ ยุนเซรี และ กูซึงจุน คือการทำเพื่อตัวเอง เพื่อไม่ให้กลับไปคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่โหดร้าย โลกทั้งโลกของ รีจองฮยอก (รับบทโดย ฮยอนบิน) ก็คงไม่ต่างกัน แม้ว่าความสุขของเขาคือ การได้ปกป้องคนที่เขารัก ทั้งภาคใหญ่อย่างชาติ ลงมาที่ครอบครัว พี่ชายที่แสนดีของเขา แล้วความสุขที่แท้จริงของเขาคืออะไรกัน? หากสิ่งที่เขาทำคือ สิ่งที่ต้องทำเพื่อคนอื่นเกือบทั้งหมด แล้วเขาจะทำอะไรเพื่อความรู้สึกของตัวเองบ้างได้หรือเปล่า
เราไม่อาจนึกภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในสังคมประเทศเกาหลีเหนือได้หรอก หมายถึงภาพจริงๆ ที่ไม่ใช่ในซีรีส์ เพราะพระเอกเองก็อยู่ในชนชั้นสูงของประเทศ ผิดแผกกับการที่เราได้เห็นตัวละครเด็กกำพร้าในตลาดที่ ยุนเซรี เคยช่วยเหลือไว้ เราจึงคิดว่า รีจองฮยอก น่าจะเติบโตมาแบบไม่ลำบากเท่าไรนัก ได้รับความรักอย่างล้นปรี่ แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาต้องเคยสูญเสียพี่ชายไปจากอุบัติเหตุ และก้าวผ่านความสูญเสียนั้นมาด้วยความกลัว ความว่างเปล่า และความเศร้า
ด้วยระบบสังคมที่ให้อำนาจกับกลุ่มคนเพียงกลุ่มหนึ่งในเกาหลีเหนือตามท้องเรื่อง การที่เขาจะต้องสานต่ออำนาจของครอบครัวในฐานะลูกชาย จึงเป็นหนทางเดียวที่เขาต้องยึดถือ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูล และหลังจากที่พี่ชายเขาเสียชีวิตลง เส้นทางการเป็นนักเปียโนระดับโลกของเขาเองก็ต้องจบลงตามไปด้วย และเมื่อวันนั้นมาถึง ความรักเดียวที่เขามีก็หายสาบสูญไปจากความรู้สึกของเขาด้วย กลายเป็นว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือ การทำเพื่อครอบครัวและชาติ ทดแทนพี่ชายของเขาที่ตายไป เพื่อให้ความรักในฐานะลูกที่ต้องทำให้พ่อและแม่ภูมิใจยังคงอยู่ต่อไป และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องนั้น เพราะการที่เขาต้องตกอยู่ในสถานะ ‘คู่หมั้น’ ของ ซอดัน เองก็เป็นความต้องการที่เขา ‘ไม่ต้องการ’ เช่นกัน
แล้วตรงไหนคือความรักของสหายผู้กองจริงๆ ล่ะ?
ทุกอย่างก็เริ่มจะสวยงามขึ้นเมื่อ ยุนเซรี ที่ตกลงมาจากฟ้านั้นได้พบกับเขา การได้พบเธอและช่วยเหลือเธอ การได้ตกหลุมรักกันและกันจึงเป็นความสมบูรณ์แบบที่เขาและเธอกำลังตามหา ทั้งการได้รักใครสักคน หรือการถูกรักจากใครสักคนเพียงแค่เพราะไม่ใช่ว่า ‘ต้องรัก’ หรือ ‘ต้องทำ’ เพราะสิ่งเดียวที่สหายผู้กองคาดหวังจากความรักครั้งนี้คือ หวังให้เธอปลอดภัยและมีชีวิตต่อไปเท่านั้นเอง เติมเต็มความรักในส่วนที่ขาดหายไปจากกันและกัน เช่นกันกับ ยุนเซรี เองที่พร้อมจะทำเพื่อเขา ในวันที่เธอไม่ได้มองเห็นแค่เพียงตัวเอง แต่ยังมีความรักเกิดขึ้นทีละน้อยเผื่อแผ่ไปให้คนอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของเธอ หรือครอบครัวของเธอในท้ายที่สุด เป็นเครื่องยืนยันว่า ยุนเซรี ไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนโลก
Photo: tvN Drama
ฉันทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว มีใครเห็นใจฉันบ้าง
ไม่ใช่แค่สหายผู้กอง เพราะสหายลูกสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้าอย่าง ซอดัน เองก็ตกที่นั่งที่น่าลำบากใจเช่นกัน แม้เธอจะได้ไปเติบโตที่รัสเซีย แต่ท้ายที่สุดเธอก็ต้องกลับมาสานต่ออุดมการณ์ของครอบครัวอยู่ดี ไม่ใช่ในเรื่องธุรกิจ แต่เรากำลังหมายถึงการที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นผู้หญิงที่ต้องมีครอบครัว แต่งงานกับคู่หมั้นที่รู้จักกันมาเป็น 10 ปี แต่ไม่เคยได้ ‘รู้จักกันดี’ สักครั้ง และนั่นกลายเป็นความรักที่เธอรู้จัก จับจดฝังใจ และเชื่อว่านั่นคือ ‘รักเดียว’ ของเธอ
ถ้าถามว่า ในซีรีส์ Crash Landing on You นี้เราเห็นใจตัวละครไหนมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น คุณซอดัน นี่แหละ ไม่ใช่เพราะเธอกำลังจะถูกแย่งคู่หมั้นไปอย่างหน้าตาเฉย และกลายเป็นตัวร้ายที่ต้องตามราวีความรักเหมือน พิสมัย ต้องแย่งชิง พันตรี ประจักษ์ คืนมาจาก วนิดา แต่เราเห็นใจเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกรอบของสังคมบีบบังคับให้ต้องทำ ‘เท่าที่เธอต้องทำ’ เธอต้องแต่งงาน มีครอบครัว ต้อง Settle กับใครสักคน เพื่อไม่ให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยด้วยซ้ำ! เพราะมันเป็นเรื่องของคนอื่นที่แม่ของเธอแบกใส่บ่าเดินเริงร่าไปทุกที่ กลายเป็นความกดดันที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นแม่หญิงเย็นชา ปากร้าย และน่าเกรงขาม เพื่อป้องกันความอ่อนไหวและไร้รักของเธอ
ดูเหมือนว่า ซอดัน จะสามารถทำหน้าที่ตรงนั้นได้อย่างเฉียบคมในช่วงแรกของซีรีส์ ที่เธอจำเป็นต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีและความรักของเธอให้กลับมาเป็นดังเดิม แต่ก็นั่นแหละ เธอต้องทำเพื่อแม่ของเธอ เพื่อครอบครัวของเธอ แล้วเคยมีใครทำอะไรเพื่อเธอจริงๆ จังๆ บ้างไหม? จนการมาถึงของตัวละครของ กูซึงจุน ที่เข้ามาในชีวิตเธอ และเริ่มตกหลุมรักกันอย่างจังในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้เราได้เห็น ซอดัน ในเวอร์ชันที่มีเลือดเนื้อและความรู้สึกมากขึ้น เพราะท้ายที่สุด เธออาจไม่ต้องอะไรเลยก็ได้ในเรื่องสถานภาพทางสังคม เธออาจขอเพียงให้ใครสักคนมองเห็นเธอลึกเข้าไปข้างใน และรักเธอในแบบที่เธอเป็นจริงๆ ก็พอ
การ ‘ทำเพื่อตัวเอง’ อย่างในโลกของตัวละครที่มาจากเกาหลีใต้ ทั้ง ยุนเซรี และ กูซึงจุน มันช่างขัดกับอุดมการณ์ที่ให้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ด้วยการ ‘ทำเพื่อคนอื่น’ ในโลกของตัวละครที่มาจากเกาหลีเหนืออย่าง รีจองฮยอก และ ซอดัน อย่างมาก และดูเหมือนว่า มันจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากทั้งสองขั้วอำนาจนี้ ต้องชื่นชมผู้เขียนบทไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่สามารถทำให้เราไม่สามารถเกลียดชัง หรือรักตัวละครไหนได้สุดหัวใจ แต่เรากลับเข้าใจพวกเขาด้วยบริบทรอบตัวที่ทำให้พวกเขาต้องเป็นไปแบบนั้น และรักพวกเขาในแบบที่พวกเขาเป็น
แม้เราอาจรู้ว่า ความรักโรแมนติกมันหอมหวาน แต่ก็แฟนตาซีเหนือจริงอยู่ในที และคงยากที่จะเกิดขึ้นกับพวกเรา แต่อย่างน้อยที่สุด ตัวละครที่เคยกำพร้ารักทั้งสี่คนนี้ ก็ล้วนหาหนทางที่จะมีความรัก ได้รัก และถูกรัก ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม
ภาพ: tvN 드라마(Drama)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: