เพิ่ง ‘ลงจอด’ สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ กันแบบสดๆ ร้อนๆ สำหรับซีรีส์ Crash Landing on You ปักหมุดรักฉุกเฉิน ที่เพิ่งออกอากาศ EP.1 ทางช่อง tvN และ Netflix เมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา
THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยแบบ Roundtable กับ 2 นักแสดงนำอย่าง ฮยอนบิน และ ซนเยจิน ร่วมกับสื่อจากประเทศต่างๆ ที่มาร่วมงานเปิดตัวซีรีส์ที่ประเทศเกาหลีใต้
สิ่งที่เราสัมผัสได้จากเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฮยอนบิน และ ซนเยจิน คือ นอกจาก ‘เคมี’ ที่เข้ากันได้แบบสุดๆ แล้ว พวกเขาคือนักแสดงที่มีทัศนคติน่าสนใจ ทั้งในเรื่องการทำงานที่มองว่า ทุกอย่างคือความท้าทาย ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
และมองว่า ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคนนั้นเป็นใคร เชื้อชาติอะไร มีความขัดแย้งกันอย่างไรก็ตาม
ความพิเศษของตัวละครที่พวกคุณได้รับมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ฮยอนบิน: ผมรับบทเป็น รีจองฮยอก นายทหารระดับสูงของประเทศเกาหลีเหนือ ที่เวลาใส่เครื่องแบบจะเป็นคนเคร่งขรึม เคร่งครัดในหลักเกณฑ์และระเบียบวินัยเป็นอย่างมาก แต่เวลาอยู่นอกเครื่องแบบ เขาจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีมุมน่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน อ่อนไหว และยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่เขารัก
ซนเยจิน: ฉันรับบทเป็น ยุนเซรี ทายาทเศรษฐีในเกาหลีใต้ เป็นเซเลบริตี้ด้านความงาม CEO บริษัทแฟชั่นชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้หญิงที่เก่ง มีความสามารถ มั่นใจในตัวเอง จนบางครั้งก็อาจจะมั่นใจเกินไปบ้าง
วันหนึ่งไปเล่นเครื่องร่มร่อน (Paragliding) แล้วเกิดอุบัติเหตุต้องลงจอดแบบฉุกเฉินในประเทศเกาหลีเหนือ ได้เจอกับ รีจองฮยอก และวัฒนธรรมสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ทำให้เธอค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย
ตัวอย่างซีรีส์ Crash Landing on You
ถ้าลงจอดฉุกเฉินที่ไหนก็ได้บนโลก พวกคุณจะเลือกลงจอดที่ไหน และอยากพกของอะไรติดตัวไปบ้าง
ฮยอนบิน: ผมไม่มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษ อยากไปสถานที่ทั่วไปที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้มีบรรยากาศที่ดี มีธรรมชาติสวยงาม เหมาะกับการท่องเที่ยวหรือธรรมชาติ เพราะผมเชื่อว่า ทุกที่มีเรื่องราวและความพิเศษของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนของที่จะพกติดตัวไปด้วยก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากโทรศัพท์มือถือ พาสปอร์ต แล้วก็เงินสดของสถานที่นั้นๆ ครับ (หัวเราะ)
ซนเยจิน: อยากไปประเทศในทวีปแอฟริกา เพราะเป็นสถานที่ในบักเก็ตลิสต์ของฉันที่ต้องไปให้ได้มานานแล้ว ฉันอยากไปเห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรามากๆ อีกอย่างหนึ่งคือ ฉันเป็นคนชอบสัตว์ อยากไปดูสัตว์หายาก ประหลาดๆ ที่นั่น
ส่วนของที่อยากพกติดตัวไปด้วย ฉันขอเอาไปแค่สมุดเล่มเดียว เพื่อจดไดอะรีบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะคิดว่า ที่นั่นต้องเต็มไปด้วยความสนุก น่าสนใจ และประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ฉันได้มากแน่ๆ
พล็อตเรื่องมีความแฟนตาซีสูงมาก คุณคิดว่า ในความเป็นจริงมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่คนเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือจะมีความรักให้กันและกัน
ฮยอนบิน: ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่แล้ว เราสามารถตกหลุมรักใครก็ได้บนโลกใบนี้ และยิ่งถ้าเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้รวมประเทศกันได้ ก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้นอีก ซึ่งผมอยากให้เป็นแบบนั้นนะ
ซนเยจิน: ถึงแม้พล็อตเรื่องจะมีความเป็นซีรีส์โรแมนติก-คอเมดี้ แฟนตาซี ผสมกับเมโลดราม่า แต่อีกแง่หนึ่ง ซีรีส์ก็พยายามสะท้อนความจริงของสังคมเกาหลีที่มีความแตกต่าง แบ่งเป็นเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ที่เราจะเห็นสิ่งเหล่านั้นในแง่มุมที่แตกต่าง บางเรื่องอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราเคยคิด แต่เป็นความสวยงามที่ฉันอยากให้ทุกคนได้ชม
ส่วนเรื่องความรัก ฉันคิดเหมือน ฮยอนบิน คือ เราสามารถตกหลุมรักใครก็ได้ ความรักเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถวางแผนและกำหนดทุกอย่างได้ตายตัว อย่างในเรื่องก็มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพรหมลิขิตและความบังเอิญ เหมือนการขึ้นรถไฟ ที่บางครั้งเราขึ้นรถไฟถูกสาย แต่ลงผิดที่ บางครั้งเราขึ้นผิดสาย แต่รถคันนั้นพาเราไปถึงจุดหมายที่ถูกต้อง
และบางครั้งเราก็ขึ้นรถไฟผิดสาย ลงผิดสถานีจากตอนแรกที่เราตั้งใจไว้ แต่สุดท้ายแล้วสถานที่นั้นอาจเป็นจุดที่เหมาะสม และพาชีวิตเราไปพบกับสิ่งที่ดีที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อนก็ได้ สำหรับฉันนั่นคือพลังที่น่าสนใจของสิ่งที่เรียกว่าความรัก
ฮยอนบิน ต้องเตรียมตัวมากขนาดไหน เพื่อมารับบทเป็นทหารประเทศเกาหลีเหนือ
ฮยอนบิน: เรื่องนิสัย วิธีคิดของการเป็นทหาร ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยครับ เพราะผมเคยรับบทแบบนี้มาก่อนแล้ว ที่ต้องเตรียมมากๆ คือการพูดสำเนียงเกาหลีเหนือ ซึ่งผมต้องใช้เวลาในการศึกษาล่วงหน้าก่อนถ่ายทำนาน 2-3 เดือน
ต้องพยายามสร้างกล้ามเนื้อให้ล่ำ เพราะต้องคอยปกป้อง ยุนเซรี (หัวเราะ) แล้วก็ต้องฝึกเรียนเปียโนเพิ่มเติม เพราะว่าเป็นนักเรียนนอกที่เคยไปเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ถ้าดูจากในเรื่องจะเห็นว่า ตัวละคร ยุนเซรี เป็นตัวแม่แห่งวงการแฟชั่น ในชีวิตจริงของ ซนเยจิน มีส่วนใกล้เคียงกับภาพที่เราเห็นในซีรีส์มากน้อยขนาดไหน
ซนเยจิน: ถ้าเรื่องนิสัยอาจจะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง แต่ถ้าเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวนี่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเสื้อผ้าของ ยุนเซรี จะอลังการมาก ต้องมีความสง่างามสมฐานะ CEO บริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่
ซึ่งส่วนตัวแล้วฉันไม่ชอบการแต่งตัวสไตล์แบบนั้นเลย ปกติฉันเป็นคนแต่งตัวธรรมดามากๆ แถมบทที่ได้รับส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนระดับสูงแบบ ยุนเซรี ทั้งนั้น (หัวเราะ) การแต่งตัวแบบนี้เลยเป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวฉันมากๆ ทั้งในชีวิตจริงและการแสดง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าไม่ได้รับเล่นเรื่องนี้ ฉันคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดแบบนั้นแน่ๆ (หัวเราะ)
ฮยอนบิน: อยากให้ทุกคนได้ชมบทบาทของ ซนเยจิน ในเรื่องนี้จริงๆ นะครับ ผมคิดว่า ยุนเซรี เป็นบทที่เหมาะกับเธอมากๆ และคุณจะได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นจากบทบาทไหนของเธอมาก่อน
ก่อนหน้านี้พวกคุณมีข่าวเรื่องออกเดตด้วยกันมาก่อน รู้สึกหนักใจบ้างไหมว่า เรื่องนี้อาจจะกระทบกับผลงานของพวกคุณ
ฮยอนบิน: ตอนที่ข่าวออกมา พวกเรา 2 คน ยังหัวเราะกันอยู่เลย ตอนถ่ายทำก็ราบรื่น สนุก ไม่มีปัญหา มีแต่ความดีใจมากกว่าที่ได้คู่กันเป็นครั้งที่ 2 เพราะฉะนั้นเรื่องข่าวไม่ได้ทำให้ผมหนักใจเลยครับ
ซนเยจิน: คิดคล้ายๆ ฮยอนบิน ว่าเรื่องข่าวที่ออกมาไม่ได้ทำให้เราหนักใจในฐานะนักแสดง เพราะเราคิดแค่ว่า นี่คือโอกาสที่ดี ฉันคิดอยู่ตลอดว่า อยากเล่นคู่กับ ฮยอนบิน อีกครั้ง พอโอกาสนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ เลยรู้สึกดีใจมากกว่า ไม่มีความหนักใจเลย
การเล่นคู่กันเป็นครั้งที่ 2 ทำให้พวกคุณเล่นเข้าคู่กันได้ราบรื่นขึ้นไหม
ฮยอนบิน: เรื่องที่แล้วบทเราจะมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง และไม่ค่อยได้มีบทของพวกเราเท่าไร ต่างจากเรื่องนี้ที่มีทั้งฉากตลก ฉากโรแมนติก ที่เราต้องเล่นด้วยกันมากขึ้น ทำให้เราต้องมาคุยและแชร์ไอเดียกันเพิ่มมากขึ้น พยายามคิดกันทุกอย่าง จะทำอย่างไรให้การแสดงของเราช่วยทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สนุกเพิ่มขึ้นได้มากที่สุด
ซนเยจิน: การแสดงเป็นเรื่องซับซ้อนที่ไม่สามารถพูดได้ง่ายๆ ว่าถ้าได้เล่นร่วมกันครั้งที่ 2 แล้วทุกอย่างจะราบรื่นขึ้น อย่างที่บอกว่า ฉันอยากร่วมงานกับ ฮยอนบิน อีกครั้ง เพราะรู้สึกถึงความสนุก ความท้าทาย ไม่ได้คิดว่า เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วทุกอย่างจะราบรื่น
เพราะฉะนั้นความราบรื่นหรือความง่ายในการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งของการร่วมงาน แต่เกิดขึ้นจากการที่เราคุยกัน แชร์ไอเดียกัน สร้างคาแรกเตอร์ รีจองฮยอก กับ ยุนเซรี ขึ้นมาด้วยกัน เรียกได้ว่า เป็นซีรีส์ที่มีครบทุกรสชาติ ทุกอารมณ์ของการแสดง ที่ทำให้พวกเราต้องคิดหนัก เพราะมีพาร์ตที่ต้องใช้การแสดงทั้งลึกและกว้างมากขึ้น
มีวิธีการสร้างเคมีระหว่างพวกคุณทั้ง 2 คน อย่างไรบ้าง เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า เคมีของพวกคุณดูเข้ากันได้ดีจริงๆ
ซนเยจิน: เคมีที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถกำหนดได้ 100% เราพูดคุย เตรียมการ แชร์ไอเดียร่วมกันได้ประมาณหนึ่ง แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือธรรมชาติ คือความเข้าใจตรงกันว่า นักแสดงที่เล่นคู่กับเราเขาต้องการสื่อถึงอะไรในฉากนั้น และเราจะทำอย่างไรเพื่อตอบสนองและสื่อสารอารมณ์กลับไปให้ดีที่สุด
ฮยอนบิน: เพราะเวลาถ่ายทำจริงๆ จะมีหลายครั้งที่เราต้องเปลี่ยนการแสดงให้ไม่เหมือนกับที่เตรียมกันเอาไว้ ขึ้นอยู่กับความคิดของผู้กำกับ รวมทั้งความคิด อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ณ สถานการณ์ตรงนั้นจริงๆ
เราต้องตัดสินใจในทันทีว่า จะตอบรับอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งในสถานการณ์แบบนั้นจะเหมือนว่า เราไม่ได้แสดงอยู่ แต่เป็นการตัดสินใจตัวละครที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกของเราจริงๆ เป็นความรู้สึกสดๆ ของเราตอนนั้นที่สื่อสารออกมาได้ตรงกับคนที่เล่นคู่กัน ผมว่า สถานการณ์แบบนั้นแหละที่ทำให้เคมีเข้ากันได้ดีที่สุด
ภาพ: Netflix
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล